ผู้หญิงในวงการคลาวด์กำลังท้าทายเรื่องราวในแบบเดิมอย่างไร
Please wait...
SOLUTIONS CORNER
ผู้หญิงในวงการคลาวด์กำลังท้าทายเรื่องราวในแบบเดิมอย่างไร

ผู้หญิงในวงการคลาวด์กำลังท้าทายเรื่องราวในแบบเดิมๆ อย่างไร

women in cloud

สำหรับผู้หญิงในวงการเทคโนโลยี แม้ท้องฟ้าจะหม่นมัว แต่ในเมฆก็อาจมีแสงแห่งความหวังซ่อนอยู่
 
เป็นที่รู้กันว่าวงการอุตสาหกรรม IT นั้นมีแต่ผู้ชายเป็นหลัก ในขณะที่ผู้หญิงต้องดิ้นรนเพื่อให้มีที่ยืนในวงการ ด้วยเหตุผลตั้งแต่การโดนอคติแอบแฝง ไปจนถึงการถูกกีดกันไม่ให้เรียนวิชาที่ใช้ทักษะ STEM ในการเรียน
แม้ว่าจะมีเรื่องราวความสำเร็จของพวกเธอมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่เราจำต้องระลึกไว้ยิ่งเข้าใกล้วันสตรีสากลก็คือ - ยังมีเรื่องราวที่เล่าถึงวัฒนธรรมการทำงานเป็นพิษ อคติในที่ทำงาน และการมองข้ามผู้หญิงเมื่อมาถึงการได้รับโอกาส

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสของ ‘ผู้หญิงในวงการเทคฯ’ เริ่มมีเสียงดังขึ้น แม้จะไม่ได้แปลว่ามีพัฒนาการในด้านนี้ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นก็ตามที ยกตัวอย่างเช่นความคืบหน้าที่หยุดชะงักของ TTC องค์การที่อุทิศตนเพื่อเพิ่มความสมดุลทางเพศในสหราชอาณาจักร ซึ่งในหมู่ผู้ลงนามกับ TTC มีผู้หญิงเพียง 24 % เท่านั้นที่มีตำแหน่งในสายเทคโนโลยี ซึ่งลดลง 2 % เมื่อเทียบกับปี 2018

ภาพโดยรวมของภูมิทัศน์การทำงานสายเทคโนโลยียังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขอบเขตอันน่าตื่นเต้นของการประมวลผลคลาวด์กำลังท้าทายเรื่องราวในแบบเดิม ๆ

ท่ามกลางการขยายตัวของภาคส่วนเทคโนโลยีที่นำมาซึ่งโอกาสและตำแหน่งงานใหม่ๆสำหรับผู้หญิง วิโอเลตตา ยอร์ดาโนวา ผู้จัดการธุรกิจ Microsoft ของ Ingram Micro Cloud บอกกับ IT Pro ว่า

“เพราะคลาวน์เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ ประสบการณ์ในฐานะ ‘ผู้หญิงในวงการเทคฯ’ ของฉันเลยอาจไม่เหมือนปกติทั่วไป โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมคลาวด์ที่มีความแตกต่างหลากหลายเอามาก ๆ” ยอร์ดาโนวาพูด “จริง ๆ แล้ว ทีมของฉันมีสัดส่วนแบ่งทางเพศที่เท่าเทียมกัน มีการผสมผสานบุคลิก วัฒนธรรมและจุดแข็งที่หลากหลายจากผู้คนที่เติบโตมากับเทคโนโลยีนี้”
 
ประสบการณ์ของยอร์ดาโนวามีความเหมือนกันกับลอรี แมควิตตี นักสร้างความน่าเชื่อถือในด้านการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามอัจฉริยะและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ F5 Network ผู้รู้สึกว่าอุตสาหกรรมคลาวด์นั้นมีบรรยากาศต้อนรับมากกว่า เพราะเหมือนมีความ ‘เป็นที่ยอมรับกันโดยปริยายอยู่แล้ว’ น้อยกว่า

“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ตาม การเติบโตของคลาวด์นั้นมาพร้อมกับแรงผลักดันที่สำคัญในการรับรู้และสนับสนุนผู้หญิงในวงการคลาวด์” แมควิตตี้อธิบาย “วัฒนธรรมของอุตสาหกรรมคลาวน์มีบรรยากาศที่ต้อนรับเอามาก ๆ ส่วนคลาวด์ในฐานะเทคโนโลยีเองก็มักถูกยกย่องว่าทำให้ ‘การเข้าถึง’ ทรัพยากรที่ผู้หญิงต้องการเมื่อต้องรับบทผู้ประกอบการ มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”

บริษัทสตาร์ทอัพมีแนวโน้มว่าจะหัวก้าวหน้ามากกว่าเพราะเทคโนโลยีที่เปิดช่องให้ผู้หญิงได้ลงมือทำไอเดียของตนจนสำเร็จ - เธอเพิ่มเติม บริษัทสตาร์ทอัพที่นำโดยผู้หญิงผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด โดยมีเชื้อเพลิงคือการเติบโตของรูปแบบทำงานอย่างยืดหยุ่นนั่นเอง

“การนำโซลูชันระบบคลาวด์มาใช้ในที่ทำงานยังช่วยให้สร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเครื่องมือที่คุณต้องใช้ในการทำงานกลายเป็นเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา - แม้แต่ที่บ้าน” เธอกล่าวต่อ “ฉันมองว่า ‘การเข้าถึง’ คือการขยายขอบเขตการยอมรับขององค์กรให้มีการทำงานระยะไกลเมื่อจำเป็น  และเป็นการบรรเทาความเครียดให้กับผู้หญิงที่ต้องต่อสู้กับสมดุลในชีวิตและการทำงาน” 

ในขณะที่คนหลายคนรวมไปถึงแมควิตตีและยอร์ดาโนวาตระหนักถึงความต่างของวงการคลาวด์ รีเบคกา ซิมมอนส์ วิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสแห่ง Red Hat กลับมองว่า วงการคลาวด์ที่กำลังเติบโตเต็มไปด้วยทรัพยากรมากมายก็จริง แต่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น เธอบอกกับ IT Pro ว่า

“ที่ Red Hat เราได้รับโอกาสเท่าเทียมกันในทุกฝ่ายที่แตกต่างกันของบริษัท ไม่ใช่แค่ในส่วนระบบคลาวด์ ดังนั้น ประสบการณ์จากการย้ายงานไปหลายๆบริษัทของฉันก็คือ ตราบใดที่คุณเต็มใจทำงานหนัก คุณก็จะได้รับโอกาสที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะไปทำในภาคเทคโนโลยีส่วนไหนก็ตาม" ซิมมอนส์กล่าว

แต่ว่าต่อให้มีโอกาสเหล่านี้ อุปสรรคที่ผู้หญิงต้องเผชิญก็ยังคงอยู่ แม้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับซิมมอนส์ซึ่งย้ายจากบริษัทสตาร์ทอัพไปทำงานบริษัท Java EE จากนั้นก็มาที่ Red Hat เธอรู้สึกกดดันจนต้องคอยพิสูจน์ทักษะความสามารถของตัวเองอยู่เสมอ
 
“การพิสูจน์ตัวเองและการสร้างความประทับใจอันยอดเยี่ยมเมื่อต้องไปพบคนอื่นเป็นอุปสรรคใหญ่สุดที่ฉันต้องรับมือ” เธอบอก “ผู้หญิงในวงการเทคโนโลยียังโดนตีตราอยู่ ฉันรู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลาว่าต้องแสดงภูมิ แต่ข้อดีก็คือ มันเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ฉันทุ่มเทกับงานหนักขึ้น ผลักดันขีดจำกัดของตัวเอง และต่อสู้กับการเหมารวมผู้หญิงในวงการนี้”

ในขณะเดียวกัน ประสบการณ์นี้ก็มีความคล้ายคลึงกับประสบการณ์ของแมควิตตีที่ F5 Networks ที่แม้ว่าจะเจอการกีดกันทางเพศไม่มากนัก แต่ก็ต้องเจอกับบางแง่มุมของความสัมพันธ์ในที่ทำงานกับเพศชายที่เข้าขั้นน่าหงุดหงิดอยู่ดี

“ตลอดระยะเวลาการทำงาน ฉันเจอเพื่อนร่วมงานเพศชายที่ไม่ยอมฟังคำสั่งจากผู้หญิง ตอนประชุมก็ยังเจอผู้ชายที่ดูตะลึงสุดๆตอนที่เขารู้ว่าฉันเข้าใจดีว่าตัวเองกำลังพูดถึงอะไรอยู่” เธอบอก “คำถามก็คือ อะไรทำให้คุณคิดว่าฉันไม่เข้าใจ? น่าหงุดหงิดนะ แต่ฉันก็พยายามปล่อยผ่านไป - อย่าปล่อยให้คนแบบนั้นทำคุณหมดกำลังใจ!”

นอกจากนี้ เธอยังมองว่าการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพยังเป็นความท้าทายประการใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงเป็นที่ยอมรับในบทบาทฐานะและอุตสาหกรรมของตนมากขึ้น เธอเพิ่มเติมว่า ยิ่งผู้หญิงเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีตัวเลือกน้อยลง ผู้หญิงต้องไตร่ตรองแผนให้มากขึ้นในเรื่องของการพัฒนาตน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าตัวเองยังมีทักษะที่ช่วยให้ตนเองก้าวหน้าต่อไปได้

“ความท้าทายขั้นแรกๆเลยก็คือ การทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับในสาขาของตนให้ได้ และหาทางสร้างชื่อเสียงที่จะช่วยเราได้ในภายหลังตอนที่เราเริ่มไตร่ตรองวางแผน ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยจัดสมดุลชีวิตกับการทำงานก็คือ เลือกบริษัทให้ตรงกับลำดับความสำคัญด้านอาชีพและชีวิตคุณ ถ้าครอบครัวมาก่อน คุณก็คงไม่อยากทำงานให้บริษัทที่ไม่เคารพจุดนั้น ถ้าอาชีพสำคัญสำหรับคุณ คุณก็ต้องแน่ใจได้ว่าตัวเองมีโอกาสก้าวหน้าในที่ทำงาน”

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของสมการเท่านั้น เอเดรียน กอร์มลีย์ รองประธานฝ่ายประสบการณ์ลูกค้าทั่วโลก ยุโรป ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกาแห่ง Dropbox  กล่าวแย้งว่า การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพก็มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาตัวบุคคล และผู้หญิงเองก็สมควรได้รับแรงสนับสนุนเพื่อให้ตนรู้สึกผ่อนคลายจากเสียงเรียกร้องที่พวกเธอต้องเผชิญในที่ทำงานและชีวิตที่บ้าน

“ฉันเชื่อจริง ๆ ว่าส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพในทุกวันนี้ ก็คือการช่วยผู้อื่นให้จัดสมดุลชีวิตที่บ้านกับการทำงานได้ และทำการกำหนดขอบเขตสำหรับคนในทีม” เธอบอก “เรานำความเห็นอกเห็นใจสำหรับความกดดันจากชีวิตที่้บ้านมาใช้ในที่ทำงานได้ โดยขีดเส้นใต้ว่าเราเข้าใจความต้องการของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพ่อแม่หรือคนที่ต้องดูแลญาติ หรือมีภาระผูกพันอื่น ๆ การพิจารณาว่าเราจะทำอย่างไรให้ที่ทำงานอยู่ง่ายขึ้นสำหรับผู้คนเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับฉัน: เราจะช่วยแบ่งเบาความกดดันจากการที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้อย่างไร”

คำแนะนำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกอร์มลีย์ก็คือ ผู้หญิงควรขีดเส้นจำกัดขอบเขตไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อเริ่มทำงาน ควรเล่นบทบาทกระตือรือร้นในอนาคต และถ้าเจออะไรที่ใช้การไม่ได้ ก็จงเสี่ยงเปิดปากบอกไป หรือไม่ก็ลงมือทำอะไรสักอย่างไปเลย

“คนมากมายหลายหน้าตาจะอยู่ที่นั่นเพื่อคุณ แต่พวกเขาผ่านมาและผ่านไป สุดท้ายแล้ว นี่คือการเดินทางของคุณ ยิ่งคุณเข้าใจสิ่งนี้เร็วเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีอำนาจตัดสินใจและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ การกระทำของคุณนั่นแหละ ที่จะเป็นตัวกำหนดสถานที่ทำงานของคุณในภาพรวม”

ที่มา: 
https://bit.ly/2CZhVEF

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์