HPE เพิ่มสถานะในตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกหลายรายการ
Please wait...
SOLUTIONS CORNER
HPE เพิ่มสถานะในตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกหลายรายการ

HPE เพิ่มสถานะในตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกหลายรายการ

 

HPE เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวโซลูชั่นจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ทั้งในส่วนของการให้บริการ (Service) และเครื่องมือต่างๆ (Appliances)มากมาย 
 
HPE ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับCredentials ของ Edge Computing ของพวกเขาอีกครั้ง โดยการเปิดเผยกลุ่มผลิตภัณฑ์และพันธมิตรจำนวนมาก ภายในการประชุม Discover ของปีนี้
 
4 หัวข้อหลักๆ ที่นำมาแถลงในการประชุมดังกล่าว มุ่งเน้นไปที่ความสำคัญของเทคโนโลยีที่ทันสมัยในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการทำความเข้าใจกับข้อมูลที่มาจากอุปกรณ์Internet of Things (IoT) และเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเชื่อมต่อและการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ที่เชื่อถือได้
 

1.Secure Edge Data Center for Microsoft Azure Stack

หัวข้อแรกที่พูดในวันนั้นก็คือ "Secure Edge Data Center for Microsoft Azure Stack"ซึ่งอุปกรณ์ (Appliance) นี้ ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย HPE, ABB, Rittal และ Microsoft ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมที่รุนแรงและไม่เอื้ออำนวย (Hostile Environment) พร้อมด้วยมาตรฐานIP55 ที่บอกถึงระดับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection), การระบายความร้อน  (Cooling),แหล่งจ่ายไฟฟ้า (Redundant Power Supply) และการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังจุดใช้งาน (Power Distribution) ตลอดจนการจัดการที่ทำให้เป็นอัตโนมัติ (Automated Management) นอกจากนี้ พวกเขายังนำเสนอความสามารถที่มีอยู่ในขณะนี้ และแสดงความสามารถในการทำงานแบบ On-Site ในขณะที่ยังคงผสานรวมกับ Microsoft Azure ได้อย่างราบรื่น
 

2.การรวมเทคโนโลยี ABB Ability Smart Sensor เข้ากับ Aruba Access Points (APs) 

หัวข้อถัดมาก็คือ “การรวมเทคโนโลยี ABB Ability Smart Sensor เข้ากับ Aruba Access Points (APs)”ซึ่ง HPE อ้างว่า ด้วยสิ่งนี้จะช่วยให้การเชื่อมต่อแบบไร้สายมีประสิทธิภาพสูงและสามารถขยายขีดความสามารถได้ สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ อาทิเช่น ปั๊ม, มอเตอร์ และแบริ่งที่ได้รับการติดตั้ง ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน ( Operational Technology: OT) ในทางกลับกัน สิ่งนี้สามารถใช้ในการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ซึ่งจากการตรวจสอบ (Monitoring) อุปกรณ์ดังกล่าว จะสามารถระบุ (Indicates) ได้ว่าเมื่อใดที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนชิ้นส่วน ก่อนที่มันจะเกิดความล้มเหลวจริงๆ
 

3.การพัฒนาร่วมกันระหว่าง HPE กับ Microsoft 

การพัฒนาร่วมกันระหว่าง HPE กับ Microsoftอีกอย่างหนึ่งก็คือ Edgeline IoT QuickConnect โดยอ้างอิงมาจาก Edgeline OT Link Platform ของ HPE ซึ่งในช่วงปลายปี2018 นอกเหนือไปจากกลุ่มผลิตภัณฑ์Edgeline Converged Edge Systems แล้วIoT QuickConnect ก็ยังถูกนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์OT ต่างๆรวมถึง Microsoft Azure IoT ที่ให้บริการบริหารจัดการจัดการข้อมูลที่ได้รับมาจากอุปกรณ์ IoT และ HPE Edgeline EL300 Converged Edge System ซึ่งทางบริษัทได้ชี้แจงว่า ด้วยสิ่งนี้จะช่วยให้การรวมของระบบ OT และ IoT ทำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้สถานประกอบการสามารถตรวจสอบ (Monitor) และควบคุม (Control) อุปกรณ์OT ของพวกเขาได้แบบReal-time
 

4.ให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการตั้งค่าการตรวจสอบสภาพ

หัวข้อสุดท้ายที่มีการพูดถึงในการประชุมครั้งนั้นก็คือ ทางบริษัทเปิดเผยว่าจะให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการตั้งค่าการตรวจสอบสภาพ (Monitoring) อุปกรณ์ของพวกเขาผ่านฝ่ายบริการของ PointNext โดยมีชื่อที่ค่อนข้างชัดเจนว่า Fast Start Condition Monitoring ซึ่งเป้าหมายก็คือ กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีทักษะในการตั้งค่าประเภทของระบบที่เราได้พูดถึงในข้างต้น และ HPE ยังคาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 90 วัน สำหรับการเตรียมการ ด้วยเทคโนโลยีที่มาจาก HPE Edgeline Converged Edge Systems, HPE Edgeline OT Link Platform และ ThingWorx Industrial IOT Platform จาก PTC
 
สำหรับ HPE Edgeline IoT Quick Connect นั้น สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป พร้อมด้วยโซลูชั่น Fast Start Condition Monitoring ที่จำกัดจำนวน ทั้งยังจะมีการเปิดตัวในประเทศฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ในเดือนเดียวกันนี้ โดยมีวางจำหน่ายไปทั่วโลกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในส่วนของ Secure Edge Data Center สำหรับMicrosoft Azure Stack นั้น สามารถงานใช้ได้กับใบรับรอง IEC (International Electrotechnical Commission) ได้ทันที และใบรับรอง UL (Underwriters Laboratories) ที่จะมีตามมาในเดือนสิงหาคมนี้

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์