5 เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บฟอร์มของคุณ
Please wait...
SOLUTIONS CORNER
5 เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บฟอร์มของคุณ

5 เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บฟอร์มของคุณ



แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของเว็บฟอร์มเพื่อการเติบโตของธุรกิจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า

 
หากพูดตามตรงคงไม่มีใครชอบกรอกแบบฟอร์มบนเว็บ เพราะคุณแค่ต้องการไปอีกหน้าหนึ่งที่คุณต้องการ อย่างเช่น การสัมมนาทางเว็บ, จดหมายข่าว, การดาวน์โหลด, ใบเสนอราคาฟรี หรือบัญชีสมาชิกของคุณ
 
หากมูลค่าของสิ่งที่คุณพยายามบรรลุนั้นสูงกว่าความไม่สะดวก แน่นอนว่าคุณจะยอมทำเพื่อจะต้องผ่านมันไปได้ แต่บ่อยครั้งที่คุณจะไม่สนใจและละทิ้งแบบฟอร์มพวกนั้น และถึงแม้ว่าคุณจะทำมันเสร็จแต่มันก็สร้างประสบการณ์การใช้งานที่แย่ให้กับผู้ใช้ จริงมั้ยล่ะ?
 
และคุณเคยคิดบ้างไหมว่าเว็บในรูปแบบที่องค์กรของคุณใช้สามารถขับไล่ลูกค้าและชะลอการเติบโตของธุรกิจในลักษณะเดียวกันได้อย่างไร?
 
บ่อยกว่านั้น รูปแบบเว็บแบบเดิมจะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่น่าหงุดหงิดและไม่สะดวกแก่ผู้ใช้ หากคุณใส่สิ่งกีดขวางก่อนหน้าที่ลูกค้าต้องการเข้าไปมากเกินไป ก็มีโอกาสมากที่พวกเขาจะละทิ้งแบบฟอร์ม ซึ่งถือเป็นการสูญเสียทั้งสองฝ่ายและสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับลูกค้า อย่างไรก็ตาม แต่หากลูกค้าของคุณสามารถผ่านแบบฟอร์มได้เร็วขึ้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น แต่คุณยังสามารถขับเคลื่อนธุรกิได้เร็วขึ้นและได้รับรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
แล้วคุณจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่สะดุดนี้โดยไม่ต้องเสียสละข้อมูลที่คุณต้องการจากลูกค้าของคุณได้อย่างไร?
 

1. ทำให้แบบฟอร์มของคุณให้สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์

เนื่องจากมีครัวเรือนในสหราชอาณาจักรเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือและ 50.81% ของการเข้าชมเว็บทั่วโลกที่เกิดจากโทรศัพท์มือถือ คุณจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อความเชื่อมโยงกันได้ของแบบฟอร์มของคุณบนอุปกรณ์มือถือ เพราะหากแบบฟอร์มของคุณใช้งานได้ง่ายแค่เฉพาะบนหน้าจอขนาดใหญ่ ผู้ใช้ต้องหงุดหงิดที่ต้องซูมเข้าและออกอยู่เสมอเพื่อกรอกข้อมูลในช่องบนหน้าจอขนาดเล็กและมีแนวโน้มที่จะละทิ้งแบบฟอร์มของคุณอย่างแน่นอน
 

2. ลดจำนวนคลิกและการกดแป้นพิมพ์

การเปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ หรือเทคโนโลยีเริ่มต้นอัจฉริยะจะช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาและความพยายามของลูกค้าได้ โดยการวิจัยแสดงให้เห็นว่าลูกค้าที่ใช้แบบฟอร์มบนเว็บที่มีการป้อนอัตโนมัติสามารถกรอกแบบฟอร์มได้เร็วขึ้นถึง 30%
 
นักพัฒนาสามารถควบคุม HTML ของแบบฟอร์มเพื่อให้แน่ใจว่าเบราว์เซอร์ป้อนข้อมูลที่ถูกต้องได้ เช่น สำหรับช่องที่อยู่ก็จะเชื่อมเข้าไปในช่องที่ใส่ที่อยู่ แทนที่จะเป็นช่องรหัสไปรษณีย์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าได้ เพราะผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมพ์
 

3. ใช้เทคโนโลยีเซ็นเอกสารออนไลน์

หวังว่าในยุคดิจิทัลนี้คุณจะไม่ได้ขอให้ลูกค้าดาวน์โหลด, พิมพ์, เซ็นชื่อ แล้วสแกนหรือส่งแบบฟอร์มคืน แต่ถึงแม้ว่าคุณจะใช้แบบฟอร์มออนไลน์ในการขอลายเซ็นจากลูกค้า ก็สามารถสร้างความเครียดได้ หากลูกค้าไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องของเทคโนโลยีเป็นพิเศษหรือไม่ได้มีการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม
 
การผสมผสานเทคโนโลยีลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในแบบฟอร์มของคุณ เช่น DocuSign หรือ Adobe Sign จะทำให้การลงนามในเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น สัญญาทางธุรกิจกลายเป็นเรื่องง่าย และเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าเลือกบริษัทที่มีระบบที่คล่องตัวมากขึ้นในครั้งต่อไป
 

4. ลดจำนวนขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 2 และ 3 มีความสำคัญในการลดจำนวนงานที่ลูกค้าของคุณต้องทำในแต่ละขั้นตอน แต่ถ้าคุณมีขั้นตอนมากเกินไป ก็เป็นการดีกว่าที่คุณจะยกเลิกมันออกไปซะ
 
ลองนึกภาพตอนที่ลูกค้าเห็นโพสต์เกี่ยวกับการสัมมนาผ่านเว็บดีๆ ที่คุณกำลังโฮสต์หรือจดหมายข่าวที่พวกเขาต้องการสมัคร ซึ่งในหน้าแรกแน่นอนว่าคุณได้บอกถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจากหัวข้อนี้และรายละเอียดในหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ดึงดูดพวกเขามา แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะคลิกผ่านอย่างรวดเร็ว
 
ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะเก็บลูกค้าไว้ คุณจะต้องขอเฉพาะข้อมูลที่สำคัญที่สุดเท่านั้น โดยถามว่าข้อมูลที่คุณขอมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้าพยายามเข้าถึง หรือคุณสามารถขอข้อมูลในเวลาอื่นได้ได้หรือไม่
 
จากการศึกษาโดย HubSpot มากกว่า 40,000 หน้าเว็บไซต์ของตนเองพบว่า จำนวน 3 ขั้นตอนเป็นจำนวนที่เหมาะสมในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้
 
อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ เพราะหากแบบฟอร์มของคุณใช้บริการที่เป็นที่ต้องการหรือมีราคาแพง ลูกค้าจะมีความคาดหวังที่อยากจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คุณ เพราะการกรอกข้อมูลในช่องเพิ่มเติมบ่งบอกถึงจิตใต้สำนึกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะได้รับนั้นมีมูลค่าสูง และแน่นนอนว่าคุณคงไม่ต้องการลดทอนคุณค่านั้นหรือทำให้ดูไม่น่าไว้วางใจด้วยการขอสิ่งตอบแทนเพียงเล็กน้อย
 

5. ลองใช้รูปแบบเว็บไซต์แบบหลายหน้า

ขั้นตอนก่อนหน้านี้มุ่งเน้นไปที่การลดจำนวนขั้นตอนที่ลูกค้าจะต้องพบ แต่ในกรณีของรูปแบบที่มีการเดิมพันสูงนี้ คุณจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก แต่นั้นจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดการต้านทานจากผู้ใช้
 
ในช่วงหนึ่งของชีวิตคุณ จะมีแนวโน้มที่คุณจะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการจัดการโครงการขนาดใหญ่ โดยการแบ่งมันออกให้เป็นงานเล็กๆและมีขนาดพอดี เพราะมันจะช่วยทำให้โครงการดูน่ากลัวน้อยลงและยังทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังดำเนินการและสามารถจัดการมันได้อยู่
 
แนวคิดเบื้องหลังเว็บฟอร์มหลายหน้านั้นก็คล้ายกัน หากคุณกระจายขั้นตอนของแบบฟอร์มไปยังหลายๆหน้า มันจะช่วยสร้างความรู้สึกถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จให้กับผู้ใช้โดยที่ไม่ต้องลดแบบสอบถามที่คุณต้องการจากพวกเขา
 
รูปแบบหลายขั้นตอนนี้สามารถสร้างการตอบรับจากผู้ใช้ได้มากกว่าแบบฟอร์มบนเว็บแบบเดิมถึง 300% โดยสามารถแสดงความคืบหน้าของลูกค้าด้วยแถบความคืบหน้า หรือจำนวนขั้นตอนที่ทำเสร็จแล้วจากจำนวนที่เหลือให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อห้ามไม่ให้พวกเขาละทิ้งกลางคัน
 

ประเด็นสำคัญ

จำนวนขั้นตอนที่แน่นอนและรูปแบบของแบบฟอร์มบนเว็บจะขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ แต่แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดโดยทั่วไปคือการนำเสนอแบบฟอร์มที่ชัดเจน กล่าวคือ มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลได้โดยไม่ต้องรู้สึกกดดัน ซึ่งรูปแบบประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะสื่อถึงความเป็นมืออาชีพ มีการตอบสนองที่ดีและช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจของคุณได้

ที่มา: 
https://bit.ly/3nSXQ5e


ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์