ข้อดี ข้อเสีย ของ AI กับการนำมาใช้งานในภาคธุรกิจ
Please wait...
SOLUTIONS CORNER
ข้อดี ข้อเสีย ของ AI กับการนำมาใช้งานในภาคธุรกิจ

ข้อดี-ข้อเสีย ของ AI? กับการนำมาใช้งานในภาคธุรกิจ



 
เราได้ทำการพิจารณาถึงข้อดีและผลเสียที่จะได้รับจากเทคโนโลยี ที่กำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอยู่ในขณะนี้
 
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) หรือ AI เป็นเทคโนโลยีที่นำมาซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ (The Fourth Industrial Revolution) หรือว่ามันจะเป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้เห็นว่ามนุษย์อย่างเรานั้นได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของหุ่นยนต์
 
แต่อย่างน้อย นั่นก็คือสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเคยปรากฏให้เห็นในสื่อต่างๆ  นอกจากนี้ Elon Musk ยังเคยกล่าวไว้ว่า AI เป็น "ภัยคุกคามอัตถิภาวนิยม" ที่มีผลต่ออารยธรรมมนุษย์ ซึ่งคำพูดนี้เป็นการจุดชนวนทางความคิด ผ่านทาง Twitter spat ให้กับ Mark Zuckerberg, ผู้ที่คิดว่า AI จะช่วยปรับปรุงชีวิตของเราในช่วงเวลาอีก10 ปีข้างหน้า
 
จากการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม อย่างมีเหตุผลของ Deep Nishar ซึ่งดำรงตำแหน่ง Senior Managing Partner ของ SoftBank Investment Advisers โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่ London Tech เขาได้กล่าวไว้ว่า ผลกระทบของ AI เป็นสิ่งที่เราต่างก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
 
"ในส่วนขององค์กรธุรกิจ, จะต้องมีการผสมผสาน AI ลงในทุกสิ่งที่คุณทำ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในรูปแบบของบริษัทประกันภัย, ธนาคารหรือผู้รับเหมาก่อสร้าง" เขากล่าว "เราต่างก็ต้องยอมรับว่า สิ่งเดียวเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในชีวิตของเรา นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้กำลังจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยเป็นมา เมื่อเทียบกับ 50 ปีที่แล้ว"
 
ดังนั้น ถ้าปัญญาประดิษฐ์จะต้องเป็นก้าวต่อไปสำหรับการทำธุรกิจที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แล้วสิ่งที่เป็นข้อดี-ข้อเสียของมันคืออะไร?


 

ข้อดีของ AI
 

AI ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้มีอิทธิพลต่อธุรกิจ ผู้บริโภคและภาครัฐในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยการคาดการณ์ล่วงหน้าของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เร็ว ๆ นี้เราจะถูกล้อมรอบไปด้วยอุปกรณ์ IoT มีความสามารถในการทำภารกิจธรรมดาทั่วไปและเพิ่มความเร็วให้กับภารกิจที่ซับซ้อนได้ อันที่จริง ยังมีข้อดีอีกมากมายที่เราจะได้รับจาก AI ที่จะมุ่งเน้นความช่วยเหลือไปยังสถานประกอบการ


 
ช่วยในการพัฒนาประสิทธิภาพ

 

ในปัจจุบัน เราต่างก็พบว่ามูลค่าของข้อมูลมีความสำคัญต่อธุรกิจ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งกับน้ำมัน และด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลข้อมูลเหล่านี้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลการค้นหาแบบเรียลไทม์ ยกตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ของ AI ประเภทนี้ ซึ่งกำลังถูกนำไปใช้โดย DeepMind เพื่อใช้ในการวินิจฉัยสภาพที่เป็นอันตรายต่อการมองเห็นของตาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ในฐานะแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก
 
จากการทำงานร่วมกันกับโรงพยาบาลตา Moorfields ในกรุงลอนดอนและสถาบันจักษุวิทยาของ UCL พบว่าผลการวิจัยของพวกเขาสามารถวางพื้นฐานไว้สำหรับการเปิดตัวของระบบ AI ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เนื่องจาก ระบบ AI ช่วยลดระยะเวลาที่แพทย์จะใช้ในการศึกษาการสแกนตาหลายพันครั้ง และนอกจากนี้ยังสามารถทำการวินิจฉัยให้กับผู้ป่วยได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที


 
เพื่อขจัดความผิดพลาดของมนุษย์

 

ตั้งแต่ความผิดพลาดในระดับที่รุนแรง ไปจนถึงความผิดพลาดที่ธรรมดาและเรียบง่าย หรือแม้แต่สิ่งที่ดีที่สุดของเราก็ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด แต่เนื่องจากเครื่องจักรระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจที่เฉพาะเจาะจง เราจึงจะไม่พบลักษณะของความผิดพลาดดังกล่าว
 
ร้านขายของชำออนไลน์ที่มีชื่อว่า Ocado ใช้ระบบ Automated Machine ภายในคลังสินค้าของตนเอง สำหรับการควบคุมหุ่นยนต์นับพัน ในการติดต่อสื่อสารกับพวกเขาด้วยความถี่ 10 ครั้ง ต่อวินาที ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการประสานงาน ในการเคลื่อนย้ายลังบรรจุสินค้าจำนวนนับแสน


 
เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart technology)

 

เช่นเดียวกับร้าน Ocado ที่ AI จะถูกนำมาใช้เพื่อให้บริการอัตโนมัติของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า จากรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Self-Driving Cars) โดยใช้ AI ในการสำรวจถนนและสิ่งกีดขวาง ไปจนถึงสมาร์ตซิตี (Smart Cities) ที่คาดว่าจะช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อม โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชากรของเราให้สามารถอยู่อาศัยด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
นอกจากนี้ เครื่องจักรกล AI ยังมีความสามารถในการประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญอย่างมากกับการดำเนินงานในรูปแบบของสมาร์ตเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart environment) สำหรับตัวอย่างที่มีให้เห็นอย่างชัดเจนนั้น ได้แก่การทำงานบนสมาร์ตโฟนชั้นนำในแบรนด์ต่างๆ ที่มี AI อยู่เบื้องหลังการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุปกรณ์เหล่านั้น


 
ข้อเสียของ AI

 

Ben ในฐานะลุงของไอ้แมงมุม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตัวละครยอดมนุษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ได้กล่าวไว้ว่า "อำนาจที่ยิ่งใหญ่ มักมาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง" และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความจริงของ AI ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
 
ในปี 2016 มีข่าวความร่วมมือกันระหว่าง 5 บริษัท ในวงการอุตสาหกรรม รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ซึ่งได้ประกาศจับมือกันเพื่อก่อตั้งองค์กรความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ภายใต้ชื่อโครงการ Partnership on Artificial Intelligence to Benefit People and Society (Partnership on AI) ซึ่งเป็นโครงการที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้มีความคาดหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของความยุติธรรมและจริยธรรมใน AI ให้มากขึ้น


 
ปัญหาการเลิกจ้าง

 

นี่อาจจะเป็นข้อเสียอันดับหนึ่งของ AI ที่ถูกเน้นย้ำตลอดเวลาว่าเป็นสถานการณ์แห่งความเศร้าโศกและบทลงโทษที่เป็นสาเหตุให้แรงงานถูกปลด เพราะไม่สามารถทำงานได้ดีกว่าเครื่องจักร
ในส่วนของรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่ามีการขัดแย้งกัน โดยผลการศึกษาล่าสุดจาก PricewaterhouseCoopers (PwC) อ้างว่า AI จะสร้างงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม จากรายละเอียดของรายงานระบุว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในรูปแบบที่ไม่เป็นธรรม
 
ในกรณีนี้ สาขาอาชีพที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะได้รับผลดี ได้แก่ งานบริการด้านสุขภาพและการเรียนการสอน, ส่วนในด้านของตำแหน่งงานที่ต้องใช้แรงงาน ยกตัวอย่างเช่น สายงานด้านการผลิตและขนส่ง มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปลดพนักงานออกมากที่สุดในบรรดาสายงานต่างๆ โดยอดีตแชมป์หมากรุกโลกอย่าง Garry Kasparov ได้กล่าวไว้ว่า การปลดพนักงานเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อความก้าวหน้าขององค์กร ซึ่งก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เมื่อต้องเทียบกับสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมส่วนใหญ่ ที่ AI สามารถทำให้ได้

 



หัวหน้าที่เป็นหุ่นยนต์

 

หากคุณมีปัญหากับเจ้านายที่เป็นมนุษย์คนปัจจุบันของคุณ, ต้องขอบคุณที่เขาไม่ได้เฉยเมยกับคุณ, เครื่องจักรกลไม่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ นั่นเป็นเพราะว่ามี AI ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานอยู่แล้ว
 
ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนฝันร้ายที่น่ากลัวของสังคมในจินตนาการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Watson ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของทาง IBM ได้มีการนำ AI และ Watson Analytics มาใช้ในตัดสินใจว่าพนักงานมีความคุ้มค่าต่อการเพิ่มขึ้นของเงินที่จะจ่ายไปหรือไม่ ทั้งในส่วนของโบนัสหรือการเลื่อนตำแหน่ง โดยดูจากประสบการณ์และผลงานในช่วงที่ผ่านมาของพนักงาน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตัดสินคุณภาพและทักษะของแต่ละคน ที่อาจจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทในอนาคตข้างหน้า

 
ข้อผิดพลาดที่มนุษย์สร้างขึ้น

 

แม้ว่า AI จะสามารถขจัดข้อผิดพลาดของมนุษย์ออกจากกระบวนการได้เกือบทั้งหมด แต่มันก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในรหัสคำสั่ง ที่พร้อมกับความลำเอียงและอคติ โดยส่วนใหญ่จะพบอยู่ในขั้นตอนวิธี หรือ อัลกอริทึม (Algorithm) ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้สามารถประมวลผลเพื่อทำให้เกิดผลกระทบในเชิงลบต่อประชากรบางกลุ่มและการเลือกปฏิบัติต่อผู้คนได้เช่นกัน
 
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก, ในกรณีที่ระบบการรักษาความปลอดภัยไม่ถึง100% แฮกเกอร์สามารถใช้ประโยชน์จากความกระหายความรู้ของ AI ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Chatbot ที่โชคร้ายของ Microsoft จากเรื่องราวของ TayTweets ซึ่งมีความสามารถในการสื่อสารกับผู้คนบนโลกออนไลน์ได้โดยอัตโนมัติผ่านทาง Twitter ต้องปิดการทำงานลง หลังจากที่เปิดใช้งานได้เพียง 16 ชั่วโมง นับตั้งแต่ที่มันเริ่มที่จะ tweet เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ -- ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่เกิดซ้ำๆ จากผู้ใช้ Twitter คนอื่นๆ

 

ที่มา:www.itpro.co.uk

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์