Please wait...
SOLUTIONS CORNER
Latency คืออะไร

Latency คืออะไร?

เราได้ทำการสำรวจลักษณะของเวลาแฝงของเครือข่าย (Network Latency) และขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้เพื่อเป็นการลดมัน

 

หากคุณเป็นคนค่อนข้างที่จะใส่ใจในเรื่องทางเทคนิค (Technically), คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า Latency อยู่บ่อยๆ เมื่อพูดถึงคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกติดตั้งไว้ภายในองค์กรแบบ On-Premises นอกจากนี้มันยังถูกอ้างถึงในเรื่องของระบบเครือข่าย (Networking) และสามารถนำไปใช้ได้กับเกือบทุกสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

 

ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ Latency ก็คือ การวัดความล่าช้า (Delay) ระหว่างสองจุด กล่าวคือ มีการหยุดชะงักนานขนาดไหนเมื่อข้อมูลถูกย้ายหรือเดินทางผ่านเครือข่าย

 

มันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่การนำไปใช้กับข้อมูลในแง่ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น แต่มันสามารถนำไปใช้กับการเคลื่อนไหวของอะไรก็ได้ระหว่างสองจุด ยกตัวอย่างเช่น คลื่นวิทยุคลื่น (Radio Waves), คลื่นเสียง (Sound Wave) หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของพนักงานระหว่างจุดสองจุด

 

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วมันมักจะถูกอ้าง เมื่อพูดถึงการเคลื่อนไหวของข้อมูล (Data Movement) และระยะเวลาที่ใช้ในการย้ายข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง นี่อาจเป็นระยะเวลาในการรับส่งข้อมูลเพื่อเดินทางจากเว็บไซต์ไปยังจุดสิ้นสุด หรือการป้อนข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์และรอเอาต์พุต (เช่น การเปิดแอปพลิเคชั่น, ไฟล์ หรือแม้แต่การพิมพ์อะไรต่อมิอะไรลงในเอกสาร)

 

เมื่อกล่าวถึงความเวลาแฝงของเครือข่าย (Network Latency) การวัดจะทำได้โดยการคำนวณระยะเวลาที่ใช้ในการรับ – ส่งสัญญาณ เช่น การป้อนคำสั่ง (Inputting) และรอการตอบสนองที่จะถูกส่งกลับมา

 

Network Latency มีหน่วยวัดเป็นมิลลิวินาที (ms) ด้วยตัวเลขที่แสดงถึงความหน่วงของ Power ที่มีค่าต่ำกว่า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เครือข่ายอินเตอร์เน็ตของคุณทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยากที่จะตัดสินว่าค่า Latency นั้นต่ำหรือไม่ โดยที่ยังไม่ทราบถึงบริบท (Context) ของการวัด (Measurement)

 

ความล่าช้า (Delay) นี้ มีหน่วยวัดเป็นมิลลิวินาที (ms) ด้วยตัวเลขที่ต่ำกว่า ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น การที่จะถูกจัดว่ามีเวลาแฝงในระดับที่ต่ำ (Low Latency) นั้น ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับระบบที่ถูกนำมาใช้ ตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่ออีเธอร์เน็ตบ้าน (Home Ethernet) ทั่วๆ ไป ซึ่งโดยปกติจะทำงานที่ประมาณ 10 มิลลิวินาที และพบว่าถ้ามีค่าเกินกว่า 150 มิลลิวินาที จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

สำหรับการเชื่อมต่อมือถือแบบ 4G นั้น อย่างไรก็ตาม การทำงานปกติจะมีค่า Latency เกิดขึ้นที่ประมาณ 45 มิลลิวินาที ถึง 60 มิลลิวินาที ในขณะที่การเชื่อมต่อแบบ 3G ค่า Latency จะสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้

 

อะไรที่เป็นสาเหตุของความล่าช้า?

ในโลกอุดมคติ ทุกการเชื่อมต่อจะมีค่า Latency เป็นศูนย์ อย่างไรก็ตาม ยังมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร (Interacting Variables) อีกมากมาย ที่ทำให้เรื่องนี้ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้

 

แม้ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบ, เวลาเบื้องต้นที่ใช้ในการถ่ายโอน (Transferring) แพ็คเก็จของข้อมูล จากโหนดหนึ่งไปยังอีกโหนดหนึ่งด้วยความเร็วแสง หรือเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Propagation นั้น ก็ยังก่อให้เกิดความล่าช้าบางอย่าง สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ยิ่งแพ็คเก็จมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางผ่านเครือข่ายนานขึ้นเท่านั้น

 

นอกจากนี้ยังมีบทบาทของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และฮาร์ดแวร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการเชื่อมต่อของสายเคเบิล (Cable) จะสร้างระดับความล่าช้าที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้จะต้องอยู่กับประเภทของสายที่นำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นสายประเภทโคแอกเซียล (Coaxial) หรือไฟเบอร์ (Fibre) และหากแพ็คเก็จจะต้องเดินทางผ่านการเชื่อมต่อประเภท Wi-Fi แล้วล่ะก็ สิ่งนี้จะเพิ่มความล่าช้าให้กับกระบวนการมากยิ่งขึ้น

 

Latency เทียบกับ Bandwidth

เวลาแฝง (Latency) และแบนด์วิดท์ (Bandwidth) ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่สามารถใช้แทนกันได้ - แต่ทั้งคู่มีความสำคัญสำหรับการประเมินประสิทธิภาพ (Effectiveness) ของเครือข่าย

 

แบนด์วิดท์ (Bandwidth) เป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับความจุของเครือข่าย ซึ่งในความหมายทั่วไปของแบนด์วิดท์ ก็คือ  ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลนั่นเอง ดังนั้น สายที่มีแบนด์วิดท์สูง (High Bandwidth) จึงสามารถรองรับทราฟฟิกที่เดินทางผ่านเครือข่ายพร้อมกันได้มากขึ้น ในกรณีของระบบเครือข่ายขององค์กร (Business Network) นั่นหมายความว่าพนักงานจำนวนมากสามารถใช้งานบริการเครือข่าย (Network Function) ได้ในเวลาเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นการบ่งบอกถึงวิธีการที่รวดเร็วในการเดินทางของข้อมูล แต่สำหรับเรื่องนี้ คุณจำเป็นต้องประเมินเวลาในการตอบสนองของเครือข่าย ซึ่งจะต้องอยู่ในระดับที่ต่ำ (Low) ถ้าคุณต้องการที่จะมีการให้บริการแบบที่มีการตอบสนอง (Responsive)

 

การลดเวลาแฝง (Decreasing Latency)

การดูว่าเครือข่ายบางเครือข่ายมีความซับซ้อนเพียงใดนั้น สามารถดูได้จากการลดเวลาแฝงที่อาจทำได้ยาก ด้วยการอัพเกรดแบบเดี่ยวๆ (Solitary Upgrade) ซึ่งในการลดความล่าช้า (Delay) อย่างแท้จริงนั้น คุณอาจจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ในแต่ละแง่มุมของเครือข่ายที่แพ็คเก็จข้อมูลจะส่งผ่าน

 

วิธีหนึ่งที่จะช่วยลดเวลาแฝงได้ก็คือ การปรับเปลี่ยนหรืออัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานของมันเอง นี่อาจหมายถึงการสลับ (Switching Out) เอาสวิตช์ที่เก่ากว่าออกไป หรือการเดินสายเคเบิล (Cabling) เพื่อความสามารถที่มากกว่า ผู้ประกอบการยังสามารถประเมินรูปแบบของเครือข่ายของพวกเขา เพื่อค้นหาช่องโหว่ในการเข้ารหัสรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Logjam หรือเซิร์ฟเวอร์ที่อาจต้องการทรัพยากร (Resource) เพิ่มเติม หรือปรับปรุงให้ดีขึ้นในลักษณะที่จะเป็นการช่วยลดจำนวนโหนดที่แพ็คเก็จข้อมูล (Data Packet) จำเป็นต้องเคลื่อนผ่าน

 

สำหรับองค์กรที่มีการทำงานในหลายพื้นที่ มันคุ้มค่ากว่าที่จะพิจารณาใช้เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (Content Delivery Network: CDN) ซึ่งเป็นระบบที่มีการกระจายการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ โดยการส่งมอบเนื้อหาข้อมูลและหน้าเว็บให้กับผู้ใช้ตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาและข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จากการส่งมอบเนื้อหาของ Server CDN ที่อยู่ใกล้ที่สุด จากเครือข่าย Server CDN ที่มีอยู่ทั่วโลก อย่างไรก็ตามบริการเหล่านี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และบ่อยครั้งที่ประเภทของเนื้อหาที่พวกเขาสนับสนุนนั้นถูกจำกัด ดังนั้น มันอาจจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่องค์กรจะต้องจ่ายไป

 

นอกจากนี้ ยังควรต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทางธุรกิจของคุณโดยตรงกับศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการ (Provider) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะผ่านตัวแทนธุรกิจคลาวด์ที่เป็นคนกลาง แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งเหล่านี้จัดว่าเป็นทางเลือกที่มีราคาแพง สำหรับการทำสัญญาแบบมาตรฐาน (Standard Contract) และมันเองก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
 

ในพื้นที่มีความเป็นไปได้ที่จะลดเวลาแฝงลงไปได้บ้าง โดยถอนการติดตั้ง (Uninstalling) โปรแกรมที่ไม่จำเป็น (Superfluous Program) ที่อาจขัดขวางการเชื่อมต่อของคุณ

 

การวินิจฉัย Latency ผิด (Misdiagnosing Latency)

อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ในใจว่าประสิทธิภาพของเครือข่ายนั้นอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาหลายๆ ประการ ซึ่งเวลาแฝง (Latency) ก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ค่า Latency ที่สูงนั้นสามารถส่งผลให้เครือข่ายใช้งานไม่ได้ (Network Inoperable) แต่มันก็มีความเป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพที่ต่ำนั้น เป็นผลมาจากแอปพลิเคชั่นที่ออกแบบมาไม่ดี หรือโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพต่ำ

แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องมั่นใจว่าแอปพลิเคชั่น หรือ Edge Devices ของคุณทำงานอย่างถูกต้อง และไม่กินเวลาของทรัพยากรเครือข่ายของคุณมากจนเกินไป


ที่มา:
www.itpro.co.uk

ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์