เราจะมาอธิบายว่าความผิดพลาดของระบบเครือข่ายนี้ส่งผลต่อผู้ใช้และเจ้าของเว็บไซต์อย่างไร
เมื่อท่องอินเทอร์เน็ต มีข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่แตกต่างกันจำนวนมากที่คุณสามารถพบได้ และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นเบราว์เซอร์ของคุณจะแจ้งให้คุณทราบว่าปัญหาคืออะไรโดยการแสดงรหัสที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น
รหัสทั้งหมดเหล่านี้สอดคล้องกับปัญหาเฉพาะต่างๆที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างเบราว์เซอร์และเว็บไซต์ที่คุณจะพยายามเข้าถึง หนึ่งในรหัสที่พบบ่อยที่สุดในการท่องเว็บแบบวันต่อวันคือข้อผิดพลาด 502 หรือที่เรียกว่า เกตเวย์ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งรหัสนี้แทบจะไม่ได้เกิดจากคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หรือการเชื่อมต่อ Wi-Fi ใดๆ
แต่โดยทั่วไปแล้วข้อผิดพลาด 502 มักเป็นอาการของบางสิ่งบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาที่ส่วนท้ายเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ที่คุณพยายามเข้า และอาจจะเป็นเรื่องยากจากมุมมองของผู้ใช้ที่จะดูว่าอะไรที่อาจทำให้เกิดสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามข้อผิดพลาดนี้แสดงให้เห็นว่าการสื่อสารระหว่างเกตเวย์และ/หรือพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์ต้นทางหรือเซิร์ฟเวอร์ดั้งเดิมนั้นมีปัญหา
นอกจากนี้คุณอาจพบข้อผิดพลาด HTTP 503 ซึ่งเทียบได้กับข้อผิดพลาด 502 ที่มักแสดงว่าเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถจัดการคำขอของเบราว์เซอร์ได้
เซิร์ฟเวอร์โอเวอร์โหลด: นี่เป็นข้อผิดพลาดที่จะปรากฏขึ้นหากเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์มีหน่วยความจำในการทำงานเกินความจุ โดยสิ่งนี้จะทำให้เกิดการโอเวอร์โหลดซึ่งโดยปกติจะเกี่ยวข้องกับผู้เยี่ยมชมที่สูงเกินไปกำลังพยายามเข้าชมไซต์ นอกจากนี้ยังอาจเกิดขึ้นจากสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น การโจมตี DDoS
คำขอถูกปิดกั้นโดยไฟร์วอลล์: แม้ว่าไฟร์วอลล์จะมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการโจมตีทางไซเบอร์กลายเป็นปัญหาประจำวันสำหรับในหลายธุรกิจ แต่บางครั้งพวกมันมักจะทำมากเกินไป และอาจเข้าใจผิดว่าผู้ใช้จำนวนมากที่เข้ามาในหน้าเว็บว่าเป็นการแฮก ปัญหานี้มักเป็นปัญหากับระบบป้องกัน DDoS ซึ่งสามารถบล็อกคำขอของเซิร์ฟเวอร์จากระบบการส่งเนื้อหา และส่งผลทำให้เครือข่ายหยุดทำงานอย่างช้าๆ
เซิร์ฟเวอร์โอเวอร์โหลด: เซิร์ฟเวอร์อาจขัดข้องได้หากหน่วยความจำหมด ไม่ว่าจะเป็นเนื่องจากผู้เยี่ยมชมไซต์จำนวนมากเกินไปหรือเนื่องจากการโจมตี DDoS
ไฟร์วอลล์บล็อกคำขอ: ไฟร์วอลล์อาจบล็อกการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ edge และเซิร์ฟเวอร์ upstream นอกจากนี้ระบบป้องกัน DDoS บางระบบอาจตอบสนองมากเกินไปและบล็อกคำขอจากระบบการส่งเนื้อหา
การเขียนโปรแกรมผิดพลาด: บางครั้งข้อผิดพลาดในโค้ดของเว็บไซต์อาจหมายความว่าไม่สามารถตอบรับคำขอได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้ข้อผิดพลาดนี้ปรากฏขึ้น
ข้อผิดพลาดของเครือข่าย: ปัญหา DNS, ปัญหาการกำหนดเส้นทางและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ISP อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดเกตเวย์ที่ไม่ถูกต้อง 502
การหมดเวลาของซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์: ข้อผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเว็บเซิร์ฟเวอร์ใช้เวลาในการดำเนินการนานเกินไป และเครื่องมือการแคชถึงค่าการหมดเวลาในเวลานั้น การค้นหาที่ช้าอาจทำให้เกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน
ผู้ใช้อาจพบว่าการรีเฟรชเบราว์เซอร์เพียงไม่กี่ครั้งจะช่วยแก้ปัญหาได้หลังจากผ่านไปประมาณสองสามนาที เนื่องจากข้อผิดพลาด 502 สามารถแจ้งได้จากเซิร์ฟเวอร์ที่โอเวอร์โหลดชั่วคราวซึ่งอาจได้รับการแก้ไขแล้ว
อย่างไรก็ตามอาจเป็นไปได้ว่าเซิร์ฟเวอร์กำลังแก้ไขปัญหาพื้นฐานมากกว่า ผู้ใช้สามารถหันไปใช้บริการออนไลน์เช่น Down for everyone หรือ just me? หรือเครื่องตรวจจับ Down ซึ่งจะให้ความรู้สึกว่ามีผู้ใช้รายอื่นจำนวนเท่าใดที่ประสบปัญหาในการเข้าถึงไซต์ เพราะยิ่งมีคนรายงานปัญหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมากขึ้น
ผู้ใช้ยังสามารถหันไปใช้บริการต่างๆเช่น Hide My Ass ซึ่งเป็นเครือข่ายส่วนตัวเสมือนออนไลน์ (VPN) ที่สามารถช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นที่ด้านข้างของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เช่น เมื่อ ISP บล็อกการเข้าถึงไปยังเว็บไซต์บางแห่ง
หากข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเป็นประจำอาจต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อหาทางแก้ไข โดยการตรวจสอบบันทึกของเว็บเซิร์ฟเวอร์ในช่วงเวลาที่เกิดข้อผิดพลาดถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์คุณสามารถตรวจสอบว่า FQDN (ชื่อโดเมนแบบเต็ม) ของคุณได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องแล้วรึยัง นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์สามารถเข้าถึงได้ผ่านข้อความ ping หรือ traceroute หรือไม่
ที่มา: https://bit.ly/3l6knKX
