รีวิวDell Latitude 5290 และ 5290 2 in 1: แล็ปท็อปที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ
Please wait...
COMMERCIAL IT UPDATE
รีวิวDell Latitude 5290 และ 5290 2 in 1: แล็ปท็อปที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ

รีวิว Dell Latitude 5290 และ 5290 2 in 1: แล็ปท็อปที่จะมอบประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ



 

Dell Latitude 5290 และ 5290 2 in 1 ผลิตภัณฑ์ของ Dell ซึ่งเป็นแฝดคนละฝากับ Surface Pro ที่ต้องจับตาดูในตลาดภาคธุรกิจ
 
 

ข้อดี
 

มีพอร์ต USB-C และ USB-A ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม การรับประกันที่มีบริการส่งตรงถึงที่ของลูกค้า (On-site)
 

ข้อเสีย


แสดงผลบนจอภาพโทรทัศน์ ด้วยความละเอียดเพียง1920 x 1280 เท่านั้น แป้นพิมพ์ที่มีเสียงดัง
 

สรุป


มีตัวเลือกอื่นๆ ที่สามารถถอดแยกออกจากกัน ซึ่งคุณสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาที่จ่ายน้อยลงกว่านี้ แต่ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม รูปทรงที่มีการออกแบบให้เพรียวบาง (Slimline design) และการเชื่อมต่อที่ดี จึงน่าแปลกใจที่ Latitude 5290 จะถูกจัดให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าในกลุ่ม Business Traveller
 
Dell จะไม่ได้รับรางวัลใดๆ สำหรับความสามารถในการสร้างสรรค์ สำหรับผลงานรุ่นล่าสุดของ Latitude 5290 ที่สามารถถอดแยกออกจากกันได้ ที่ค่อนข้างจะมีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Surface Pro ของ Microsoft ซึ่งแน่นอนว่า มันได้รับการปรับปรุงแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมกับ Surface Pro 6 ใหม่ ด้วยเช่นกัน
 
เราพบว่า Latitude 5290 ยังมีราคาที่แพงกว่า Microsoft ซึ่งอยู่ในฐานะของคู่แข่ง ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อ จุดมุ่งหมายที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้คุณสมบัติต่างๆ ของมัน เช่น Windows 10 Pro และการรับประกันที่มีบริการถึงที่บ้านหรือภายในสถานที่ของลูกค้า (On-site) ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานในเชิงธุรกิจ (Business user)
 
Latitude 5290 เป็นแท็บเล็ต ที่จำหน่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 1,123 ปอนด์ โดยที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (หรือราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วจะอยู่ที่ 1,324 ปอนด์) ซึ่งราคานี้ยังรวมถึงโปรเซสเซอร์ Intel Core i5-8250U ซีพียู Quad core ที่ทำงานด้วยความเร็ว 1.6GHz พร้อมด้วยหน่วยความจำขนาด 8GB และไดร์ฟ SSD ขนาด 256GB ซึ่งมีราคาแพงกว่า Surface Pro 6 ที่มีราคาเพียง 958 ปอนด์ โดยที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (หรือราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วจะอยู่ที่ 1,149 ปอนด์ ) ทั้งที่มีข้อกำหนดที่คล้ายๆกัน แต่ตามที่ระบุไว้ Dell จะประกอบด้วย Windows 10 Pro และการรับประกัน ในรูปแบบ On-site เป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับผู้ใช้งานที่เป็น Business user รวมทั้งชุดซอฟต์แวร์ Dell Data Protection ของมันเอง ที่มีไว้ให้บริการสำหรับผู้จัดการฝ่ายไอที

 

Dell Latitude 5290: การออกแบบ


เมื่อมองดูแบบผิวเผิน Latitude 5290 ก็ดูเหมือนว่าจะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับ Surface Pro 6 อย่างเห็นได้ชัด โดยมีความแตกต่างเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ Dell เลือกที่จะใช้ผิวสีเทาเข้มทั้งในส่วนของแท็บเล็ตและอุปกรณ์เสริมอย่าง Travel Keyboard แทนที่จะเป็นสีดำหรือสี Platinum ตามแบบที่ Microsoft ได้นำเสนอ ซึ่งแท็บเล็ตทั้งสองแบบ ต่างก็มีหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมกับขาตั้งที่มีลักษณะเหมือนกันตรงที่พับออกจากด้านหลังของตัวเครื่อง และชุดเชื่อมต่อแม่เหล็กที่จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อหรือถอดคีย์บอร์ดเข้า-ออกได้อย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ
 
แต่ถ้ามองใกล้ๆ ให้ชัดเจนไปกว่านั้น ก็พอที่จะเห็นถึงความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ สำหรับ Latitude 5290 ที่พบว่ามีความหนามากกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft อยู่ 2mm. ซึ่งตัวมันเองมีความหนาอยู่ที่ 10mm. และด้วยน้ำหนักของมัน ที่ค่อนข้างจะหนักกว่าเล็กน้อย โดยมีน้ำหนักที่ 857g หรือน้ำหนักที่รวมคีย์บอร์ดแล้วจะเท่ากับ 1.2kg ในขณะที่ Surface Pro 6 จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 770g และจะหนักขึ้นเป็น 1.16kg เมื่อรวมกับ Type Cover ของ Microsoft ในทางปฏิบัติ แม้ว่าคุณอาจจะสังเกตและรู้สึกได้ถึงความแตกต่างได้ค่อนข้างลำบาก แต่เราก็รู้สึกชอบรูปทรงที่แข็งแรงของ Latitude 5290 ซึ่งดูเหมือนว่าจะแข็งแรงพอที่จะรับมือกับการกระแทกในกระเป๋า ในขณะที่คุณต้องเดินทาง

 

Dell Latitude 5290: พอร์ตและอุปกรณ์ต่อพ่วง


ในส่วนของ Latitude ที่พบว่ามีการเชื่อมต่อที่ดีกว่าด้วยพอร์ตแบบ USB-C จำนวน 2 พอร์ต ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการชาร์จอุปกรณ์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเวอร์ชัน 3.1 ที่เป็นมาตรฐานสำหรับพอร์ต USB ในเวลานี้ นอกจากนี้พอร์ตแบบ USB-C ยังเพิ่มช่วยจำนวนช่องเสียบ DisplayPort ให้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อการใช้งานในส่วนของ External Monitor แม้ว่าคุณจะต้องจัดหาอะแดปเตอร์ DisplayPort ที่เหมาะสมของคุณเอง นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกที่จะอัพเกรดเป็นพอร์ต Thunderbolt 3 ได้หากต้องการความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น
 
และที่น่าแปลกใจก็คือ Travel Keyboard ของ Dell ซึ่งมีรูปลักษณ์และรู้สึกได้ถึงความคล้ายกับแป้นพิมพ์ TypeCover ของ Microsoft ที่จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Surface ด้วยแผงแป้นพิมพ์ที่เพรียวบางซึ่งมีความหนาเพียง 5mm. ดังนั้นมันจึงเป็นการเพิ่มน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไปให้กับแล็ปท็อป ขณะที่คุณต้องพกพามันไปยังที่ต่างๆ แม้ว่าน้ำหนักของมันจะอยู่ที่  344g เมื่อเทียบกับ Signature Type Cover ที่มีน้ำหนักเพียง 245g แต่น้ำหนักโดยรวมแล้วมันก็ยังคงอยู่ที่ 1.2kg ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นภาระที่มากเกินไปสำหรับการเดินทาง มันสามารถจัดวางได้อย่างมั่นคง ด้วยการปรับเองไปด้านหลังเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะสามารถรองรับในส่วนของมือและข้อมือของคุณได้เป็นอย่างดี แป้นพิมพ์ที่ดูแข็งแรง และรู้สึกถึงการตอบสนองที่ไวพอสมควรต่อการพิมพ์ด้วยความเร็ว และเราเองก็มีเรื่องที่ต้องบ่นเพียงเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็คือคีย์บอร์ดที่มีแนวโน้มว่ามันจะมีอาการสั่นเล็กน้อยและค่อนข้างที่จะเสียงดัง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่พิมพ์ดีดได้เร็ว
 
กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณได้ซื้อคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับแท็บเล็ตของมันเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มันอาจจะทำให้คุณต้องพบกับความยากลำบากมากกว่าที่คุณคาดไว้ เพราะ ในขณะที่คุณซื้อมันมาพร้อมกับ Latitude คุณจะพบว่า Travel Keyboard นั้นมีราคาที่ 96 ปอนด์ (เป็นราคาที่ได้ปรับปรุงแล้ว จากราคา 147 ปอนด์) แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่คุณซื้อแยกต่างหาก มันจะมีราคาปลีกที่สูงถึง 193 ปอนด์ ซึ่งมีราคาเกือบจะเป็นสองเท่าของคีย์บอร์ด TypeCover ของ Microsoft เลยทีเดียว

 

Dell Latitude 5290: จอแสดงผล


จอแสดงผลของ Latitude 5290 ให้ความสว่างและชัดเจนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้สำหรับการดูวิดีโอ หรือการปรับแก้ภาพถ่ายเพื่อการนำเสนอผลงาน นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำงานประจำอื่นๆ ที่ต้องใช้งานในส่วนของ Microsoft Office ถึงแม้ว่า Latitude เองนั้นจะไม่ได้มีไว้สำหรับนักออกแบบโดยเฉพาะ แต่มันก็สามารถแสดงผลสีได้ครอบคลุม 92.7% ตามมาตรฐาน sRGB ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถทำการแก้ไขภาพได้ตามที่คุณต้องการ และเมื่อพูดถึงการนำมาใช้ประโยชน์ที่มากขึ้นในทางปฏิบัติ เรายังรู้สึกชอบในส่วนของการเคลือบเพื่อป้องกันแสงสะท้อน (Anti-glare) และป้องกันรอยเปื้อนจากนิ้วมือ บนหน้าจอที่ทนทานแบบ Gorilla Glass ด้วยเช่นกัน
 
ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นกับ Latitude 5290 นั่นก็คือ จอแสดงผลมีความละเอียดเพียง 1920x1280 (187.6dpi) แม้แต่ในรุ่น i7 ซึ่งเป็นรุ่นที่แพงที่สุดในสายผลิตภัณฑ์นี้ แต่ถ้าจะให้พูดตามความจริงแล้ว มันก็จัดว่ามีสมบูรณ์แบบเพียงพอสำหรับหน้าจอขนาดนี้ แต่สำหรับ Surface Pro 6 ที่สามารถจัดการได้ดีกว่า ด้วยจอแสดงผลที่มีความละเอียดถึง 2736x1824 พิกเซล และแม้แต่ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว ของ Apple ก็ยังสามารถจัดการความละเอียดของหน้าจอได้ถึง 2224x1668 ด้วยราคาที่ต่ำกว่า 1,000 ปอนด์ ในเมื่อโปรเซสเซอร์ Quad-Core ของ Latitude มีมากกว่าความสามารถในการแก้ไขภาพหรือวิดีโอ คงจะดีไม่น้อยถ้า Dell จะมีการนำเสนอจอแสดงผลในความละเอียดที่สูงขึ้น เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับเครื่องประเภทสั่งทำ (Build to order)

 

Dell Latitude 5290: ประสิทธิภาพ


แม้จะเป็นการออกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา แต่จริงๆแล้ว โปรเซสเซอร์ Quad-Core ของ Latitude 5290 นั้น ให้ประสิทธิภาพระดับเดสก์ท็อป ผลที่ได้จากการทดสอบ Benchmark ของเรา พบว่ามีคะแนนรวม 89 คะแนน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า มันสามารถที่จะจัดการกับงานภายในสำนักงานส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย และผลจากการวัดประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม GeekBench ที่พบว่ามีคะแนนเท่ากับ 14,412 คะแนน สำหรับประสิทธิภาพการทำงานแบบมัลติคอร์ ซึ่งห่างกันแค่เพียงเอื้อมมือกับ Surface Pro 6 นอกจากนี้เรายังยินดีที่จะเห็น เดสก์ท็อปของ Windows หมุนได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น รวมทั้งสามารถกลับเข้าสู่การปฏิบัติงานเป็นปกติ เมื่อเราทำการถอดแป้นพิมพ์ออกและเปลี่ยนแท็บเล็ตให้ไปยู่ในโหมดแนวตั้ง
 
ในส่วนของ Latitude 5290 ที่อาศัยการทำงานของ UHD Graphics 620 ซึ่งเป็นการ์ดจอประเภท Integrated graphics นับว่ามันเองก็ประสบความสำเร็จ โดยมีความเร็วเฉลี่ยที่ 39.9fps เมื่อใช้ในการเล่นเกมส์ Dirt Showdown ดังนั้นมันจึงควรที่จะมีความสามารถในการจัดการบาง อย่างที่นอกเหนือจากการเล่นเกมด้วยเช่นกัน
 
นอกจากนี้ เว็บไซด์ของ Dell ยังมีการนำเสนอด้วยตัวเลือกที่มีมากกว่า Surface Pro 6 ถ้าหากว่าคุณต้องการประสิทธิภาพการทำงานที่มากกว่านั้นเพียงเล็กน้อย ก็ยังมีรุ่นที่ประกอบไปด้วยโปรเซสเซอร์ i5-8350U ที่มีความเร็วในการทำงาน 1.7GHz ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีก 150 ปอนด์ นอกจากนี้ยังมีรุ่น i7 ที่ทำงานได้ถึง 1.9GHz ด้วยหน่วยความจำที่มีขนาด 16GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีความจุ 512GB ในราคา 1,610 ปอนด์ โดยไม่รวม VAT (1,932 ปอนด์ รวม VAT) อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วรุ่นที่ว่านี้ก็ถือว่ามีราคาที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับเวอร์ชัน i7 ของ Surface Pro 6, ซึ่งมาในราคา 1,499 โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (1,799 ปอนด์ รวม VAT) เพราะ รุ่น i7 ดังกล่าว ของ Latitude ยังสามารถใช้งาน Thunderbolt 3 ผ่านทางพอร์ต USB-C ได้อีกด้วยด้วย
 

Dell Latitude 5290: อายุการใช้งานของแบตเตอรี่


อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Latitude ไม่น่าจะทำให้เกิดอุปสรรคใดๆ แต่แน่นอนว่า มันจะทำให้เห็นว่าคุณทำงานอยู่ตลอดทั้งวัน ในการทดสอบการเล่นวิดีโอแบบออฟไลน์ของเรา แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เป็นเวลา 9 ชั่วโมง 25 นาที ซึ่งนับว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม (แม้ว่าจะไม่ได้ดูโดดเด่นมากนัก) นับว่าเป็นการทำแต้มได้ดี สำหรับอุปกรณ์ Quad-Core ที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ โดยเมื่อทำการเปรียบเทียบกับ Surface Pro ซึ่งมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าถึง 11 ชั่วโมง นอกจากนี้มันยังทนต่อสภาพการใช้งานได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณเปิด wifi และใช้งานแบบออนไลน์ ทำให้เราสามารถดูรายการทีวีออนไลน์ผ่านวิดีโอสตรีมมิ่งแบบเต็มจอได้นานถึงเก้าชั่วโมงจาก BBC iPlayer โดยที่คุณจำเป็นต้องใช้เวลาสองชั่วโมง เพื่อที่จะทำการชาร์จแบตเตอรี่ของ Latitude ให้เต็มในตอนท้ายของแต่ละวัน แต่แน่นอนว่ามันจะช่วยให้งานของคุณเสร็จได้แน่ๆ


 

Dell Latitude 5290: สรุป


สำหรับ Latitude 5290 ที่ดูเหมือนว่ามันจะละม้ายคล้ายคลึงกับ Surface Pro อย่างเห็นได้ชัด เพียงชั่วขณะที่คุณจ้องมองไปที่มัน อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่สามารถถอดออกได้แบบ 2-in-1 ที่มีลักษณะเพรียวบางนี้ ยังเป็นที่สนใจสำหรับผู้ใช้งานในเชิงธุรกิจที่ต้องเดินทางเป็นประจำ นอกจากนี้ มันยังมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับกับการทำงานที่หลากหลาย สำหรับรุ่น i5 นี้ เป็นที่ยอมรับว่าค่อนข้างที่จะมีราคาแพงกว่าผลิตภัณฑ์จาก Microsoft ที่เป็นคู่แข่งขันของมัน แต่การรวมเข้าด้วยกัน Windows 10 Pro และการรับประกันแบบ on-site ของ Dell จะช่วยให้มันสามารถปิดการขายได้ สำหรับผู้ใช้งานในเชิงธุรกิจจำนวนมาก

ที่มา:www.itpro.co.uk 
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์