Please wait...
IT UPDATE ENTERPRISE
รีวิว Dell EMC PowerEdge R740xd Server : สถาปัตยกรรมใหม่ที่สมบูรณ์แบบและมาพร้อมกับตัวเลือกการจัดเก็บ

 

เซิร์ฟเวอร์ Dell EMC PowerEdge R740xd แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่าและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ดีเยี่ยม ด้วยเซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U ที่มาพร้อมกับ 2 Socket ที่สามารถกำหนดค่าได้ด้วย Intel Xeon Scalable Processor ได้ 2 CPU และ หน่วยความจำ DDR4 ที่สามารถรองรับการติดตั้งได้ถึง 24 DIMMs (หรือ 12 NVDIMM) แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาดูโดดเด่นนั่นก็คือวิธีการเข้าถึงการจัดเก็บข้อมูล ในขณะที่ R740 มีช่องใส่ Disk ขนาด 2.5″ ที่สามารถบรรจุได้ถึง 16 ช่อง แต่สำหรับรุ่น R740xd นั้น สามารถใส่ Disk ขนาด 2.5″ ได้สูงสุดถึง ได้สูงสุด 32 ช่อง, ซึ่งสามารถรองรับได้ถึง 24 NVMe นอกจากนี้ R740xd ยังมีรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เหมือนใครเมื่อเทียบกับ Front Bays ทั่วๆไป รวมถึงในส่วนของ Mid Bays และ Rear Bays โดยออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดเป็นหลัก
 
เช่นเดียวกับในเซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U ที่เคยมีมา โครงสร้างดังกล่าวนี้ ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลของตนลงในแอพพลิเคชั่นได้อย่างเหมาะสม โดยการสามารถผสมผสานระหว่าง NVMe, SSD และ HDD ในแชสซีเดียวกัน เพื่อออกแบบการจัดเก็บข้อมูลภายในแชสซีอย่างเป็นระบบ โครงสร้างดังกล่าวนี้ ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลของตนลงในแอพพลิเคชั่นได้อย่างเหมาะสม โดยคุณสามารถ  mix and match ไดร์ฟ ระหว่าง NVMe, SSD และ HDD ลงในแชสซีเดียวกัน เพื่อออกแบบการจัดเก็บข้อมูลภายในแชสซีอย่างเป็นระบบในแบบที่คุณต้องการ R740xd ยังสามารถรองรับ NVDIMM ได้สูงสุด 192GB นอกจากนี้ R740xd ด้วยการทำงานของระบบ Boot Optimization Storage โดยมี M.2 PCIe Storage จึงสามารถทำ Boot Drive แยกต่างหากโดยเฉพาะ ทำให้ช่องติดตั้ง Disk หน้าเครื่องสามารถนำไปใช้จัดเก็บข้อมูลได้อย่างเต็มที่
 
โดยทั้งสองรุ่นนับว่าเหมาะสำหรับระบบ Software-defined Storage (SDS), Service Providers และ VDI (Virtual Desktop Infrastructure) โดยมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดและ NVMe เป็นข้อแตกต่างที่สำคัญ นอกจากนี้ สำหรับรุ่นใหม่อย่าง R740/R740xd ยังเพิ่มการรองรับสำหรับ GPUs (Graphics Processing unit) หรือ FPGAs (Field Programmable Gate Array ) โดยที่ทั้งสองเวอร์ชัน ต่างก็มีความสามารถในการรองรับ GPU ได้ 3 x 300W (double-wide) หรือ 6 x 150W (single-wide) สำหรับใน Generation นี้ Dell EMC ได้ทำการเพิ่มระบบ Automatic Multi-vector Cooling เข้าไป ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยระบายความร้อนให้กับ GPU ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการปรับแต่งระดับของระบบระบายอากาศภายในได้ตามปริมาณการทำงานของแต่ละชิ้นส่วนภายในระบบ ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นกว่าเดิม
 
เมื่อมีการรีเฟรชตระกูลของเซิร์ฟเวอร์ใดก็ตาม จะมีซีพียูตัวใหม่, แรมที่มากขึ้น รวมถึงตัวเลือกในการจัดเก็บและระบบเครือข่ายที่ดีขึ้น สิ่งที่ทำให้หลาย ๆ บริษัท มีความแตกต่างกันนั่นก็คือ Lifecycle Management อย่างเต็มรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่การสร้างแนวคิดไปจนถึงการจำหน่ายในตลาด เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเซิร์ฟเวอร์ใดที่มีรายละเอียดฮาร์ดแวร์อย่างเดียวกัน จะได้คะแนนเท่าๆ กัน ในด้านของความแตกต่าง อย่างไรก็ตาม ความเร็วได้กลายเป็นตัวชี้คุณภาพของฮาร์ดแวร์อย่างเห็นได้ชัด, ขอบเขตของการให้ความช่วยเหลือด้านซอฟท์แวร์, และวิธีที่ง่ายในการปรับใช้ระบบอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่กำหนด และนี่ก็คือนี่หัวใจสำคัญที่ Dell EMC กำหนดให้ตัวมันเองแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาด นอกจากนี้ Dell EMC ยังได้มอบเครื่องมือสำคัญให้แก่ผู้ใช้ ซึ่งได้แก่ LifeCycle Controller, iDRAC, OpenManage Mobile และอื่น ๆ เราได้รับประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้ในสภาพแวดล้อมของเราเองครั้งแล้วครั้งเล่า มันทำให้เรารู้สึกประทับใจอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็กลายมาเป็นแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในที่สุด
 
สำหรับเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่นั้น มีการรองรับการปรับแต่งภายในเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน Software-defined Storage (SDS) ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น, โดยให้พวกเขาใช้ในกรณีต่างๆ เช่น Hyper-Converged Infrastructure (HCI) ในตระกูลผลิตภัณฑ์ขององค์กรของเรานั้น Dell EMC ยกระดับ R740 ด้วย Pre-built และโซลูชั่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เช่น Ready Nodes for ScaleIO หรือ VSAN รวมไปถึงในฝั่งของตระกูล PowerEdge XC นอกจากนี้ R740xd ยังมีช่องติดตั้ง Disk ในส่วนของหน้าเครื่อง ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากช่องใส่ไดร์ฟภายนอกได้ทั้งหมดสำหรับระบบ Software-defined Storage (SDS) เพื่อสนับสนุนการทำ Boot Drive แยกต่างหากโดยเฉพาะ บนไดร์ฟ M.2 SSD
 


การออกแบบและโครงสร้าง



เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นที่ได้รับการออกแบบใหม่นั้น ไม่เพียงแต่จะให้ความรู้สึกถึงความคล่องแคล่ว (ซึ่งพวกเขาก็ทำให้เป็นแบบนั้นจริงๆ), แต่เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้และแอพพลิเคชั่นมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร ในส่วนของด้านหน้าเครื่องที่เป็นฝาครอบแบบใหม่ ที่สนับสนุนระบบ Quick Sync พร้อมด้วยคุณสมบัติ OpenManage แบบไร้สาย ซึ่งการออกแบบในลักษณะเดียวกันนี้บนเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ๆ ยังเข้ากันกับพื้นที่ในการจัดเก็บของ Dell EMC รุ่นใหม่ อีกด้วย ทั้งยังรวมถึงระบบต่างๆ เช่น อาร์เรย์ Unity All-Flash รุ่น 450F ภายใต้ฝาครอบนั้นยังประกอบไปด้วยช่องขนาด 2.5" จำนวน 24ช่อง ที่รองรับ SATA, SAS, Nearline SAS และ NVMe (หากกำหนดค่าไว้ให้ทำเช่นนั้น)
 
ช่องด้านหน้าสามารถกำหนดค่าเพื่อให้สามารถรองรับไดร์ฟขนาด 3.5" ได้ 12 ช่อง ได้เป็นอย่างดี ถ้าเน้นในด้านของความจุมากกว่าเรื่องของประสิทธิภาพ ด้านซ้ายมือเป็นไฟแสดงสถานะ เพื่อบ่งบอกสถานภาพและ ID, และปุ่มใช้งานเพื่อเปิดการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับ iDRAC Quick Sync 2 ส่วนทางด้านขวามือคือปุ่ม Power, พอร์ต VGA, iDRAC Direct micro USB พอร์ต และพอร์ต USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต
 


สำหรับที่อื่นๆ ในตลาด ต่างก็กำลังคิดหาวิธีที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและตัดทอนส่วนประกอบในการสนับสนุนเพื่อการปรับลดราคาให้ต่ำลง มีอีกหนึ่งสิ่งใน Dell EMC ที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง R740xd และ R740 นั่นก็คือส่วนที่เป็นฝาครอบด้านหน้า บางคนอาจจะพูดว่า "แล้วใครสนใจล่ะ?" แต่จอ LCD ขนาดเล็กและปุ่มสามปุ่มนั้นกลับมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อในสภาพแวดล้อมของดาต้าเซ็นเตอร์ตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถเข้าถึง iDRAC จากระยะไกล, การตั้งค่าการบริหารจัดการเครือข่ายที่มีการเปลี่ยนแปลง และคุณไม่ต้องการปิดและเปิดเซิร์ฟเวอร์อีกครั้ง เพื่อกลับไปเป็นการป้อนคำสั่งด้วยมือ โดยใช้รถเข็นและคีย์บอร์ด ดั้งนั้นจึงจัดได้ว่าฝาครอบด้านหน้านั้นเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับเซิร์ฟเวอร์ Dell EMC คุณสามารถทำการอินเตอร์เฟสแบบเล็กๆน้อย ผ่านทางฝาครอบด้านหน้านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า iDRAC, และนอกจากนี้คุณยังสามารถสลับเปลี่ยนจาก Management IP เพื่อกลับไปใช้งานในฟังก์ชั่น DHCP จากแบบคงที่ทั้งหมด ผ่านทางแผงด้านหน้า หากไม่มีฟังก์ชันการทำงานดังกล่าวก็ยังคงใช้งานได้อยู่ และยังมีอีกหลายระบบที่คุณจะต้องรีบูตเครื่องใหม่เพื่อเปลี่ยนมันด้วยการป้อนคำสั่งด้วยมือคุณเอง ในส่วนของ R740xd นี่คือช่องทางการรับส่งข้อมูลที่สมบูรณ์ ผ่านการจัดการที่แตกต่างกันกันออกไป
 
เมื่อทำการถอดฝาครอบด้านบนออก คุณจะได้เห็นถึงสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในและความใส่ใจในรายละเอียดที่ Dell EMC ได้ใส่ลงในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่ ส่วนประกอบของเซิร์ฟเวอร์หลายๆอย่าง สามารถสับเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ถ้ามีเหตุจำเป็นเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดวางส่วนประกอบอย่างเป็นระเบียบ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยให้ระบบการไหลเวียนของอากาศทำได้ดียิ่งขึ้น ในระบบที่เราได้ทำการตรวนสอบนี้ คุณสามารถที่จะมองเห็นการ์ด M.2 SSD แบบ Dual-Slot, การ์ด RAID 2 ชุด, รวมทั้ง 2PCIe ผ่านอะแดปเตอร์ สำหรับช่อง NVMe ด้านหน้า
 
ชุดผลิตภัณฑ์ของเรายังประกอบไปด้วย MicroSD แบบ Dual-Slot สำหรับเก็บข้อมูล Hypervisor และส่วนประกอบอื่นๆ ที่อาจจะยังเห็นไม่ชัดเจน (แต่สำคัญมาก) นั่นก็คือการทำงานของท่อระบายความร้อนทั้งหมดที่ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศไหลผ่านระบบผ่านฮาร์ดแวร์ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยทำให้ฮอตสปอตลดลงเหลือน้อยที่สุด และทำให้เซิร์ฟเวอร์สามารถลดเสียงรบกวนที่มากเกินไปจากพัดลมได้ ตลอดช่วงระยะเวลาที่เราได้เคยทำการทดสอบมานั้น เราสังเกตเห็น ( ก็ไม่เชิงสังเกต ) เสียงรบกวนจากพัดลมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งภายใต้การโหลดในอัตราสูงสุดดัวย CPU ที่อยู่ในสภาวะ Saturated, จนถึงขณะนี้ เสียงรบกวนจากพัดลมก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระบบ Whitebox อื่น ๆ ในห้องปฏิบัติการของเรา และสิ่งที่น่าสนใจที่เราพบอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ระบบสามารถจัดการกับการไหลเวียนของอากาศได้อย่างไร ในขณะที่สภาพอากาศโดยรอบมีอุณหภูมิสูงขึ้น ในห้องปฏิบัติการของเรา เราสนุกกับการใช้อากาศบริสุทธิ์สำหรับระบายความร้อนให้แก่เซิร์ฟเวอร์, ดังนั้น ระบบในห้องปฏิบัติการของเราจึงสามารถมองเห็นช่วงอุณหภูมิของอากาศที่หลากหลาย ในกรณีที่ R740xd ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิของอากาศแวดล้อมสูง จะเพิ่มความเร็วของพัดลมได้อย่างนุ่มนวล แต่ก็ยังคงก่อให้เกิดเสียงรบกวนที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งก็จัดว่าเป็นข้อแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์และฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ในห้องทดลองของเรา ที่เสียงรบกวนอันเกิดจากเซิร์ฟเวอร์และฮาร์ดแวร์อื่นๆ นั้น สามารถที่จะได้ยินเสียงผ่านประตูที่ปิดสนิทหรือกลบเสียงสนทนาที่เกิดขึ้นรอบๆตัวพวกเขา
 
สำหรับตัวเลือกทั้งสองรูปแบบของเรา, ตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลแบบ Mid Bays ไม่ได้ถูกกำหนดค่าไว้ในโครงสร้าง เราดึงภาพตัวอย่างออกมาจากคู่มือทางเทคนิคของ PowerEdge R740xd ซึ่งแสดงให้เห็นช่องภายใน ซึ่งสามารถใส่ Disk ขนาด  3.5” ได้สูงสุด 18 ชุด หรือ 2.5" ได้สูงสุด 32 ชุด เซิร์ฟเวอร์ที่มีลักษณะเช่นนี้จัดว่ามีน้อยมาก หรือถ้ามี เซิร์ฟเวอร์ Mainstream อื่นๆ ก็จะเป็นการเสนอระดับความหนาแน่นสูงในการเลือกกำหนดค่าทางระบบ (System Configuration)ในขณะที่มีเซิร์ฟเวอร์ที่สร้างขึ้นเฉพาะในท้องตลาดหลายแห่ง จำนวนมากถูกกำหนดเองสำหรับโปรแกรมประยุกต์ ด้วยเหตุผลนี้ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกพบกับความแตกต่างในแง่ของการจัดการและการใช้งานของระบบที่ไม่เหมือนใคร
เช่นเดียวกับผู้ดูแลระบบเหล่านี้ในดาต้าเซ็นเตอร์
 
พลิกกลับไปที่ด้านหลังของ R740xd, สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาศักยภาพการขยายตัวสูงสุดควรให้ความสนใจสิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ เริ่มต้นที่มุมด้านซ้ายบน มีช่องเสียบแบบ 3 Full-Height PCIe และถัดลงไปด้านล่างนับจากทางด้านซ้ายสุด จะประกอบไปด้วย ปุ่ม System Identification (ID) เพื่อใช้ระบุระบบที่ต้องการ, Dedicated iDRAC Network Port, พอร์ตอนุกรม (Serial Port) , วีจีเอ พอร์ต (VGA Port) และพอร์ตยูเอสบี 3.0 (USB 3.0 Port) จำนวน 2 พอร์ต ถัดมาที่ตรงกลางเครื่อง ยังมีสล็อตแบบ Full-Height PCIe slots อีก 2 สล็อต นอกจากนี้ยังมีสล็อตแบบ Half-Height ที่ใช้สำหรับการ์ด RAID ในรุ่นนี้ ถัดลงมาด้านล่าง เหล่านี้เป็นสล็อต rNDC ซึ่งประกอบไปด้วย Mellanox NIC แบบ Dual-Port 25Gb ส่วนทางด้านขวาบน ก็ยังมีสล็อตแบบ Full-Height PCIe อีก 2 สล็อต ซึ่งอยู่ด้านบนของอุปกรณ์จ่ายไฟแบบ Dual-Power และด้วย2 Full-Height PCIe slots ที่มีไว้เพื่อสำรองนี้ Dell EMC สามารถรองรับการใช้งานสำหรับ 4 x 2.5 " NVMe SSDs, การ์ด RAID แบบ Dual, 2 x M.2 SSDs รวมไปถึงพอร์ทอีเทอร์เน็ท 25Gb แบบ Dual-Port
 

ในส่วนของสล็อต rNDC นั้น เป็นการใช้ประโยชน์สำหรับอินเทอร์เฟซเครือข่ายในเบื้องต้น ซึ่งสามารถบรรจุข้อมูลล่วงหน้าไว้ได้ตามปริมาณของข้อเสนอ โดยจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ Quad-Port 1GbE NIC จนถึง Dual-Port 25Gb โดยเป็นการนำเสนอจากทั้ง Mellanox และ Broadcom ไม่มีตัวเลือกใดที่ตัดสล็อต PCIe ออกจากหนึ่งในสองของเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมใช้งาน เพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดใช้งานอื่นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ดังที่เราได้แสดงไว้ในคู่มือการอัพเกรด rNDC ของเรานั้น, ชนิดของ Bay ที่เราแนะนำนี้ จัดได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ง่ายต่อการอัพเกรด และค่อนข้างที่จะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในแง่ของการดูแลรักษาอุปกรณ์เครือข่ายแยกจากสล็อต PCIe หลัก
 

การจัดการ
PowerEdge R740xd มีตัวเลือกการจัดการที่หลากหลาย รวมทั้งแบบดั้งเดิมในบางส่วน ตลอดจนแบบอื่นๆ ที่คุณสามารถจัดการกับมันได้ตามต้องการ R740xd สามารถนำไปใช้งานโดยใช้ประโยชน์จาก Dell EMC’s OpenManage Mobile app หรือแอพพลิเคชั่นแบบเฉพาะ เช่นเดียวกับที่เซิร์ฟเวอร์ในรุ่นก่อนก่อนหน้านี้ สำหรับความสามารถของ OpenManage Mobile นั้น สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณทำการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องในศูนย์ข้อมูลเพียงแห่งเดียว หรือคุณเพียงต้องการที่จะจัดการกับมันให้เสร็จสมบูรณ์ตรงบริเวณที่คุณยืนอยู่ โดยที่ไม่ต้องเดินไปที่โต๊ะทำงานของคุณหรือต้องนำรถเข็นเข้ามา การใช้ประโยชน์จากโปรไฟล์ที่สร้างไว้ล่วงหน้าเพื่อปรับใช้เซิร์ฟเวอร์ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์มือถือไว้พกติดตัว เพื่อช่วยให้การเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ทำได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยให้ทีม IT สามารถทำงานและแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงยังทำการ deploy units ได้เร็วขึ้นโดยที่ไม่ต้องลาก Crash carts ของ Data center ไปทุกครั้งที่เกิดปัญหาอีกด้วย
 


อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ On-board WiFi ผู้ใช้สามารถทำการเชื่อมต่อเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ R740xd ซึ่งมีความปลอดภัยมาก คุณจำเป็นต้องเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ทั้งในแบบ  Local Access และ Physical Access เพื่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ กดเปิดเพื่อส่งสัญญาณ Wireless จากแผงด้านหน้าของเซิร์ฟเวอร์, รวมทั้งเพื่อให้สามารถสแกนแท็กข้อมูลบนด้านหน้าของเซิร์ฟเวอร์ได้ เมื่อทำการเปิดใช้งานแล้วเครือข่ายคุณจะสามารถเข้าถึง LAN ส่วนตัวซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Workstation เพื่อเชื่อมต่อกับ iDRAC ผ่านแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือผ่าน
เว็บเบราเซอร์
 
การผสมผสานระหว่างการเข้าถึงแบบใช้อุปกรณ์พกพา เพื่อการตรวจสอบสถานะหรือทำการสำรวจระบบที่สามารถทำได้อย่างอย่างรวดเร็ว, หรือฟังก์ชันการทำงานที่อยู่ในขั้น advanced และการทำงานของ iKVM โดยที่ไม่ต้องมีความกังวลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อสายไฟหรือ Crash Carts แต่อย่างใดก็ตาม ด้วยระยะทางสั้น ๆ (ระยะ 5-10 ฟุตจากเซิร์ฟเวอร์ ในสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์) นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสสำหรับใครบางคนที่จะลักลอบเข้าสู่ระบบอย่างลับๆ ทันที่ที่งานของคุณเสร็จสิ้น การปิดสัญญาณ Wireless จะทำให้ไม่สามารถเข้าถึงระบบได้อีก
 
นอกจากนี้ ยังได้รับการต้อนรับให้เข้าร่วมบริการเสริมเทคโนโลยีสำหรับการบริหารจัดการ Server อย่าง iDRAC Group Manager ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีทำงานได้ง่ายดายยิ่งขึ้น กับการจัดการกับเซิร์ฟเวอร์ในกลุ่มของ R740 จากภายใน iDRAC เอง ในสภาพแวดล้อมของเรา เรามี R740xd ซึ่งเป็นตัวแรกที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่ม, ทั้งนี้ก็เพราะต้องการเพียงหนึ่งล็อกอิน เพื่อจัดการเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องจากระยะไกล ซึ่งจากจุดสั่งการคุณจะได้รับข้อมูลที่แจ้งสถานะเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงการให้ข้อมูลสลับไปมาในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ และข้ามไปที่อินเทอร์เฟซ iDRAC ในเครื่องอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพิมพ์ข้อมูลการเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม
 
iDRAC จัดว่าเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการของ Dell มาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทได้ทำการประกาศยกเลิกการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นเพิ่มเติมประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดีขึ้น ซึ่งก็รวมถึงฟังก์ชันการทำงานโดยรวมของ iDRAC ด้วยเช่นกัน สำหรับ iDRAC 9 ที่เพิ่มโพรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น เป็นการช่วยเพิ่มสมรรถนะในการจัดการที่ดีกว่าเดิมถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับระบบก่อนหน้า ขณะนี้ มาพร้อมกับระบบอัตโนมัติที่มีมากขึ้นเพื่อช่วยลดข้อผิดพลาดและยังช่วยประหยัดได้มากขึ้นสำหรับผู้ดูแลระบบไอที โดยที่คุณสามารถปรับการตั้งค่า BIOS ทั้งหมดผ่านทาง iDRAC แทนการบูตจาก BIOS นอกจากนี้ iDRAC ในรูปแบบใหม่ ยังได้เพิ่มการกำหนดค่าการจัดเก็บข้อมูล เช่น คุณสมบัติ Online Capacity Expansion (OCE), RAID Level Migration (RLM), การลบไดร์ฟทางกายภาพแบบเข้ารหัสลับ, การสร้าง / ยกเลิกการสร้างไดร์ฟใหม่, เปิดใช้งานการสำรองข้อมูลแบบ Hot-Spare และการเปลี่ยนชื่อ Virtual Disk
 
เมื่อเรากล่าวถึงประสิทธิภาพการทำงานภายใน iDRAC ที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างน่าประทับใจ, อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่ได้เป็นการพูดที่เกินความจริงแต่อย่างใด สำหรับอินเทอร์เฟซที่ใช้ HTML5 เวอร์ชันใหม่ จะช่วยให้ทำงานได้เร็วยิ่งขึ้นในทุกพื้นที่ รวมถึงการเข้าสู่ระบบครั้งแรกและการมีการทำงานร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน iDRACWebGUI เมื่อเทียบกับ R730 (ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา) มันช่างดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตราบใดที่บางส่วนของคุณลักษณะใหม่ที่ใช้ประโยชน์โดยตรงเมื่อเข้าสู่ระบบ iDRAC, ขณะนี้ผู้บริหารมีมุมมองระยะไกลที่เรียกว่า Connection View เป็นวิธีที่สามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบด้านไอทีได้เห็นมิติที่แตกต่างกันของเซิร์ฟเวอร์ได้ในทันที นอกจากนี้ยังมีแผงควบคุมแบบใหม่ สำหรับการจัดการระยะไกลด้วย iDRAC Group manager สำหรับการเข้าถึงที่มากขึ้นแบบ Direct-Connected ผ่านทางพอร์ต iDRAC ที่อยู่ด้านหน้าของเซิร์ฟเวอร์โดยตรง
 
คุณลักษณะเพิ่มเติมที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปใน iDRAC ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องให้เหมาะกับแอพพลิเคชั่นที่กำหนดได้อย่างง่ายดาย สำหรับการกำหนดค่าระดับ BIOS สามารถตั้งค่าผ่านทาง iDRAC ได้โดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบคอนโซล ขณะนี้คุณสามารถตั้งค่าผ่าน iDRAC ได้เอง,โดยที่ไม่ต้องล็อคอินเข้าสู่ระบบคอนโซล ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ง่ายขึ้นสำหรับการเปลี่ยนการตั้งค่าในไม่กี่ขั้นตอน ก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก,โดยทั้งหมดนี้สามารถทำผ่านเว็บเบราเซอร์ที่เรียบง่ายหรือแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือของคุณ สำหรับการ Deploy เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถสร้างโปรไฟล์ของเซิร์ฟเวอร์เพื่อปรับใช้งานผ่านเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องได้อย่างรวดเร็ว
 
การบริหารจัดการฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการติดตั้ง ยังมีเส้นทางที่น่าสนใจในส่วนของเซิร์ฟเวอร์รุ่นล่าสุดนี้ Dell ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับ Add-on Cards สำหรับ PCIe ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเซิร์ฟเวอร์จะทำการตรวจหาชนิดของการ์ด พร้อมทั้งทำการปรับความเร็วพัดลมโดยอัตโนมัติ สำหรับการระบายความร้อนที่เหมาะสม สามารถปรับแต่งการไหลเวียนของอากาศเพิ่มเติมได้ ด้วยการตั้งค่าความเร็วพัดลม LFM แบบกำหนดเองสำหรับแต่ละอุปกรณ์ที่ติดตั้ง, รวมทั้งการปรับค่าชดเชยต้นแบบในระดับเซิร์ฟเวอร์ การปรับแต่งเพื่อทำการระบายความร้อน หลายๆอย่างที่ไม่ได้ทำเพื่อให้ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้ง "ดีขึ้น" กว่าเซิร์ฟเวอร์ในรุ่นก่อนหน้านี้ แทนที่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ระบายความร้อนที่ *สมบูรณ์แบบ* โดยใช้การไหลเวียนของอากาศที่น้อยที่สุด ในเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากคุณสามารถตั้งค่าพัดลมให้มีความเร็วเต็มที่ และคุณเองก็ไม่ต้องกังวลกับอุปกรณ์ที่ทำให้ร้อนเกินไป แต่กลายเป็นว่าคุณต้องจ่ายเพิ่มสำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานส่วนเกินและเสียงรบกวนที่มีมากเกินไป
 
ในการลดการไหลเวียนของอากาศระยะยาว เป็นการช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการหมุนของพัดลมโดยไม่มีความจำเป็น สุดท้ายแล้ว นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์น่าอยู่มากยิ่งขึ้น หากไม่มีเสียงพัดลมที่ส่งเสียงในระดับที่สร้างความรำคาญ   
 

ประสิทธิภาพ
เมื่อทำการเปรียบเทียบ R740xd กับระบบรุ่นก่อนๆ พบว่าศักยภาพในด้านการคำนวณและการจัดเก็บข้อมูลได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการปรับปรุง Intel Broadwell, ซีพียู Top-spec ที่นำเสนอในซีรีย์ R730 (E5-2699v4) ความเร็วของซีพียู 96.8GHz ในการประมวลผลแบบคู่ เมื่อเทียบกับสายผลิตภัณฑ์ของ Intel Scalable ภายใน PowerEdge R740xdถึงแม้ว่าจะเป็นซีพียูระดับ Top-end (Platinum 8180) ที่สามารถรองรับได้ถึง 139.66GHz. ด้วยราคาที่โดดไปถึง 44% จากที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้แม้แต่จะเริ่มที่จะมองไปที่การปรับปรุง Clockspeed ด้วยจำนวน Core ที่สูงขึ้น หรือการปรับปรุง DRAM-clockspeed ให้ดีขึ้น ในด้านการจัดเก็บข้อมูล NVMe SSD ยังมีการดำเนินการเกี่ยวกับบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในการกำหนดค่า R740xd ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุดในเวลานี้ ที่ 24 NVMe SSDs ซึ่ง 4NVMe SSDs เคยเป็นของ R730xd ที่เคยอยู่ในตำแหน่งสูงสุดมาก่อน
 
เมื่อพิจารณาจากการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ Dell EMC PowerEdge รุ่นล่าสุด, เราจะสัมผัสได้ถึง Local Performance ตลอดจนประสิทธิภาพแบบ Clustered ในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์แปดเครื่องที่ใช้ประโยชน์จากพื้นที่เก็บข้อมูลจาก Dell EMC Unity 450F ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบ All-flash Storage ในรีวิวต่อๆ มา ซึ่งรูปแบบของการรีวิวในครั้งนี้ มีความต้องการที่จะช่วยให้ผู้ซื้อที่สนใจได้เห็นว่า เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ทำงานได้ดีเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบ Single Instance, รวมถึง วิธีการที่พวกเขามีผลกระทบต่อกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีการจำลองแบบจริงจัง ซึ่งอยู่ภายในระบบนิเวศของ Dell EMC ภายใต้การรวมกันของระบบทั้งหมดนี้ ซึ่งได้แก่ ConnectX- 4 Lx 25Gb rNDC NICs ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จาก Mellanox , รวมทั้ง Networking Z9100 Z-Series 100G Switch ของ Dell EMC
 
ในส่วนของการมองหาประสิทธิภาพการทำงานของ Local System ของเรานั้น , เรามี R740xd ที่มีอุปกรณ์ครบครัน ซึ่งเรากำลังทำการทดสอบด้วย NVMe COMBO สองแบบที่แตกต่างกัน หนึ่งในนั้นก็คือ 2 x Samsung 1.6TB PM1725a NVMe SSDs, ในขณะที่อีกหนึ่งใช้ 4 x
Toshiba 1.6TB PX04P NVMe SSDs. ด้วยการทำงานของซีพียู Intel Platinum 8180 ที่อยู่ภายในตัวเครื่อง, เรามีรอบการทำงานของ CPU มากพอที่จะทำการทดสอบกับ Storage Workloads ของเรา ซึ่งก็ทำให้เรามีโอกาสในการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่าง 2-4 NVDM SSDs ภายใต้ Application Workload เดียวกัน นอกจากนี้เรายังผลักดันการจัดเก็บข้อมูลไปยังขีดจำกัดภายในสภาพแวดล้อมของ ESXi 6.5 ด้วยการทำ VDBench Test หลายรายการ, ด้วย Workloads ที่หลากหลาย โดยมุ่งเน้นการจำลองขั้นพื้นฐานของ 4-corner testing ตลอดจนการติดตาม Virtual Desktop Infrastructure (VDI)
 

ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ MySQL ด้วย SysBench
แรกเริ่มในการจัดเก็บฐานข้อมูลแอพพลิเคชั่นภายในเครื่องของเราประกอบไปด้วยฐานข้อมูล Percona MySQL OLTP ที่ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพผ่านทาง SysBench โดยในการทดสอบนี้จะเป็นการวัดค่าเฉลี่ย TPS (Transactions Per Second) ซึ่งก็คือจำนวน transaction ที่สามารถทำงานได้ใน 1 วินาที, Average Latency และ ค่าเฉลี่ย Latency ที่ร้อยละ 99 ด้วยเช่นกัน
 
ในแต่ละ Virtual Machine ของ Sysbench มีการกำหนดค่า vDisks 3 ชุด: ชุดที่หนึ่งสำหรับบูต (~ 92GB), ชุดที่สองในส่วนของ Pre-Built Database (~447GB), และชุดที่สามสำหรับ Database ภายใต้การทดสอบ (270GB) จากมุมมองด้านทรัพยากรโดยรวมของระบบ เราได้ทำการกำหนดค่า VM แต่ละเครื่องด้วย 16 vCPU, DRAM ขนาด 60GB และใช้ประโยชน์จาก SCSI controller แบบ LSI Logic SAS
 

องค์ประกอบสำหรับ Sysbench Testing (ต่อ VM)
  • CentOS 6.3 แบบ 64-บิต
  • XtraDB จาก Percona Server-5.5.30-rel30.1
    • Database Tables: 100
    • Database Size: 10,000,000
    • Database Threads: 32
    • RAM Buffer: 24GB
  • ระยะเวลาในการทดสอบ : 3 ชั่วโมง
  • 2 ชั่วโมง preconditioning 32 threads
  • 1 ชั่วโมง 32 threads
จากการที่เราได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Sysbench สองเครื่องที่ทำงานบน PowerEdge R740xd โดยในเครื่องแรกที่ประกอบด้วย 4VMs ซึ่งเป็นโฮสต์ให้กับ 2NVMe SSDs และอีกเครื่องหนึ่งซึ่งประกอบด้วย 4VMs ที่ทุ่มเทให้กับ NVMe SSD แต่ VM ในการทดสอบทั้งสองแบบนี้ CPU load ไม่ได้ถูกนำไปสู่ Breaking Point 100% ซึ่งเราจะเห็นการความแตกต่างที่ประมาณ 60% และ 80% ของการใช้ประโยชน์ของ CPU ของทั้งสอง Benchmarks ซึ่งก็หมายความว่า ยังคงมีพื้นที่ว่างเพียงพอสำหรับ VMs และ DRAM ที่จะเพิ่มเข้าไปได้อีก สำหรับตัวอย่างแรกที่มี 2NVMe SSDs ซึ่งเป็นโฮสต์สำหรับ Sysbench VMs, ผลรวมของ TPS มีจำนวนถึง 11,027 และในการทดสอบครั้งที่สองด้วย 4NVMe SSDs พบว่าผลรวมของ TPS เพิ่มขึ้นเป็น 13,224 ซึ่งแตกต่างจากค่าที่เคยวัดได้ จาก PowerEdge R630 ที่มีค่า TPS ที่ 10,683 ซึ่งเราได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในปีที่ผ่านมา กับซีพียู E5-2699v4 ที่มี 4NVMe SSDs เช่นกัน
 
เมื่อพิจารณาในส่วนของ Average Latency ใน Sysbench Workload ของเรา พบว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลองทีประกอบไปด้วย 2 NVMe SSDs มีผลการทดลองอยู่ที่ 11.61ms ในขณะที่ผลลัพธ์ที่ได้จาก 4 NVMe SSDs มีค่าอยู่ที่
9.69 ms
 


ปฏิบัติการของ SQL เซิฟเวอร์
โปรโตคอลการทดสอบ OLTP ด้วย StorageReview จาก Microsoft SQL Server ปัจจุบันเป็นการทดสอบที่ใช้โครงร่างของ Transaction Processing Performance Council ของ Benchmark C (TPC-C), ซึ่งจัดว่าเป็นเกณฑ์การประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ที่จำลองกิจกรรมที่สามารถพบได้ในสภาพแวดล้อมการใช้งานที่ซับซ้อน โดยที่มาตรฐาน TPC-C มีความใกล้เคียงมากกว่าเกณฑ์การวัดประสิทธิภาพสังเคราะห์ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการประเมินจุดแข็งของผลการดำเนินงานและปัญหาคอขวดของโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บข้อมูลในสภาพแวดล้อมฐานข้อมูล
 
มีการกำหนดค่าแต่ละ VM ของ SQL Server ด้วย 2 vDisks: ปริมาณการใช้งาน 100GB สำหรับบูต และอีก 500GB สำหรับฐานข้อมูลและ Log File จากมุมมองของภาพรวมด้านทรัพยากรระบบ เราได้ทำการกำหนดค่า VM แต่ละตัวด้วย 16 vCPUs, DRAM 64GB และใช้ประโยชน์จาก SCSI controller แบบ LSI Logic SAS ในขณะที่ Sysbench Workloads ของเราที่ได้ผ่านการทดสอบมาก่อนหน้านี้จนอิ่มตัว ทั้งในส่วนของแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Input / Output และ Capacity แต่สำหรับการทดสอบ SQL นั้น จะเป็นการค้นหา Latency Performance
 
การทดสอบนี้ใช้ SQL Server 2014 ที่ทำงานบน Windows Server 2012 R2 ซึ่งเป็น Guest ของ VMs, ที่มีการเน้นโดยBenchmark Factory ของ Dell ในส่วนของ Databases แม้ว่าการใช้เกณฑ์มาตรฐานนี้จะเป็นการทดสอบฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ 3,000-scale ซึ่งเป็นฐานข้อมูลภายในหรือที่ใช้ร่วมกัน, ในการทำซ้ำนี้ เรามุ่งเน้นไปที่การกระจายฐานข้อมูลขนาด 1,500-scale จำนวน 4 จุด อย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ของเรา

 

การกำหนดค่าการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ SQL (ต่อ VM)
·         Windows Server 2012 R2
·         Storage Footprint: รองรับ 600GB และใช้ 500GB
·         SQL Server 2014

  • Database Size: 1,500 scale
  • Virtual Client Load: 15,000
  • RAM Buffer: 48GB
·         ระยะเวลาในการทดสอบ: 3 ชั่วโมง
  • 2.5 ชั่วโมง preconditioning
  • 30 นาที sample period
คล้ายกับวิธีที่เราใช้ดำเนินการในทดสอบมาตรฐานด้วย Sysbench, เราทำการทดสอบโดยทำการกำหนดค่าด้วย 2 NVMe SSDs รวมทั้ง 4 NVMe SSDs โดยที่ตัวผลทดสอบที่ประกอบด้วย 2 NVMe 4VM นั้น เราสามารถสังเกตเห็นผลรวม TPS ใน Benchmark Factory วัดค่าได้ 12,631 ในขณะที่ 4 NVMe 4VM เราวัดค่าได้ 12,625 แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ขัดกับความรู้สึกของคนโดยทั่วไปอยู่บ้าง แต่ด้วยการกำหนดค่ามาตรฐานแบบพิเศษของเรา ค่าความหน่วงที่วัดได้ด้านล่างนั้นจึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริง ในการทดสอบครั้งนี้
 


ข้อสรุป
Dell EMC PowerEdge R740xd รุ่นใหม่ จัดว่าเป็น “extreme disk” ในเวอร์ชัน R740 ภายใน Footprint ขนาด 2U ของมัน สามารถบรรจุไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้วได้สูงสุดถึง 32 ไดร์ฟ รวมถึงไดร์ฟ NVMe ที่ยังสามารถเพิ่มได้ถึง 24 NVMe เซิร์ฟเวอร์นี้สามารถช่วยดึงศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลที่มีทั้งหมดออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ Intel Scalable ได้สูงสุดถึงสองตัว ทั้งยังสามารถขยายหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 3TB ซึ่ง Dell EMC ไม่ได้หยุดเพียงแค่การพัฒนาและปรับปรุงฮาร์ดแวร์เท่านั้น เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับการสนับสนุน SDS แบบ built in, ทำให้เหมาะสำหรับกรณีการใช้งานที่ต้องการยกระดับประสิทธิภาพ HCI (hyper-converged infrastructure) เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่จัดว่ามีความจำเพาะและสามารถกำหนดค่าได้ในระดับสูง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
 
สำหรับมาตรฐานการวัดประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นของเรา, เราได้ทำการทดสอบกับ Dell EMC PowerEdge R740xd เครื่องที่หนึ่งประกอบด้วย 4VMs ที่โฮสต์บน 2NVMe SSDs, และทำการทดสอบกับอีกเครื่องด้วย 4VMs ที่มี NVMe SSD เฉพาะสำหรับแต่ละ VM สำหรับ Sysbench ผลการทดสอบของเครื่องที่มี 4 NVMe พบว่ามีคะแนน 13,224 TPS, Average Latency เท่ากับ 10ms และ 21ms เป็นค่า Latency ในกร
ควิกเซิร์ฟ
สินค้า
งานระบบ
บริการ
กิจกรรม
ออนไลน์